Skip to main content

สำนักงานแรงงาน จังหวัดฉะเชิงเทรา

สถานการณ์แรงงานจังหวัดฉะเชิงเทรา ไตรมาส 2 ปี 2563 (เมษายน – มิถุนายน)

pll_content_description

บทสรุปสำหรับผู้บริหาร

สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและแรงงาน  ไตรมาส 2 ปี 2563 (เมษายน – มิถุนายน) มีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้

สภาพเศรษฐกิจของจังหวัดฉะเชิงเทรา

           เศรษฐกิจจังหวัดฉะเชิงเทรา มีสัญญาณการหดตัว โดยด้านอุปทานหดตัวจากภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ สำหรับด้านอุปสงค์หดตัวจากการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐ เสถียรภาพเศรษฐกิจของจังหวัด อัตราเงินเฟ้อขยายตัว ขณะที่การจ้างงานหดตัว

  ด้านอุปทาน (การผลิต) ผลผลิตภาคเกษตรกรรมหดตัวร้อยละ -7.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ตามปริมาณผลผลิตข้าว มันสำปะหลัง สุกร ไก่เนื้อ ไข่ไก่ ยางพารา และกุ้ง ลดลง เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งที่รุนแรง ทำให้ผลผลิตเสียหาย และมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอสำหรับการทำเกษตร ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัว ร้อยละ -14.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรม และจำนวนโรงงานในจังหวัดลดลง และดัชนีผลผลิตภาคบริการหดตัวร้อยละ -10.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากจำนวนนักท่องเที่ยวและจำนวนภาษีบริการ (สนามกอล์ฟ) ลดลง เนื่องจากการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 1 (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19 ) ทำให้สถานประกอบการภาคบริการ เช่นโรงแรม ภัตตาคาร ตลาดนัด และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ต้องระงับการให้บริการในบางส่วนหรือทั้งหมด

ด้านอุปสงค์ (การใช้จ่าย) มีการหดตัวจากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยดัชนีการบริโภคภาคเอกชนหดตัวร้อยละ -15.8  เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหมวดขายส่ง ขายปลีกฯ จำนวนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ลดลง ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนหดตัวร้อยละ -16.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากพื้นที่อนุญาตก่อสร้างทั้งหมด รถยนต์ที่จดทะเบียนใช้ในการพาณิชย์ลดลง และดัชนีการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวร้อยละ -44.6 เมื่อเทียบกับ  เดือนเดียวกันของปีก่อนจากการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำ และการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนลดลง

           ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของจังหวัดฉะเชิงเทรา ในปี 2558 เท่ากับ 100 เดือนมิถุนายน 2563 เท่ากับ 101.32 เทียบกับเดือนพฤษภาคม 2563 เท่ากับ 99.76 สูงขึ้น ร้อยละ 1.56 ถ้าเทียบเดือนมิถุนายน2562 ลดลง ร้อยละ 1.57 เทียบเฉลี่ย 6 เดือน (มกราคม – มิถุนายน) 2563 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ลดลง ร้อยละ 1.13

  การจดทะเบียนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ มีจำนวน 115 ราย ทุนจดทะเบียน 372.97 ล้านบาท อุตสาหกรรมมีการจดทะเบียนบุคคลตั้งใหม่มากที่สุด 3 อันดับ คือ การขายส่ง ขายปลีกฯ จำนวน 47 แห่ง (ร้อยละ 40.87) มีเงินลงทุน 133.20 ล้านบาท รองลงมาเป็นการก่อสร้าง จำนวน 16 แห่ง (ร้อยละ 13.91) มีเงินลงทุน 30.10 ล้านบาท และการผลิต จำนวน 15 แห่ง (ร้อยละ 13.04) มีเงินลงทุน 46.30 ล้านบาท

  สำหรับการจดทะเบียนโรงงานใหม่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ไตรมาส 2 ปี 2563 (เมษายน – มิถุนายน) พบว่า มีการจดทะเบียนโรงงาน จำนวน 24 โรงงาน มีเงินทุนจดทะเบียน จำนวน 891.42 ล้านบาท พนักงาน จำนวน 510 คน

  ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ปี 2560 เท่ากับ 341,116 ล้านบาท เป็นอันดับที่ 6 ของประเทศ และเป็นอันดับ 4 ของภาคตะวันออก  โดยรายได้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับสาขาการผลิต/อุตสาหกรรม ซึ่งมีมูลค่ารวม 226,796 ล้านบาท (ร้อยละ 66.49) ของผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดฉะเชิงเทรา

  ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด ปี 2560  เฉลี่ยต่อคนต่อปีเท่ากับ 427,409 บาท

สถานการณ์ด้านแรงงาน

                ในไตรมาส 2 ปี 2563 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้อยู่ในวัยทำงาน 686,271 คน เป็นผู้อยู่ในกำลังแรงงาน 442,999 คน  ผู้มีงานทำ 438,424 คน ผู้ว่างงาน 4,575 คน

                การมีงานทำ  ผู้มีงานทำในจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 438,424 คน คิดเป็นร้อยละ 98.97 ของผู้อยู่ในกำลังแรงงาน ทำงานในภาคเกษตร จำนวน 114,172 คน (ร้อยละ26.04) ทำงานนอกภาคเกษตร จำนวน 324,252 คน   (ร้อยละ 73.96) โดยทำงานในสาขาการผลิตมากที่สุด จำนวน 139,157 คน (ร้อยละ 31.74) รองลงมาคือการขายส่ง ขายปลีก ซ่อมแซมยานยนต์ รถจักรยานยนต์ จำนวน 65,164 คน (ร้อยละ14.86) และผู้มีงานทำส่วนใหญ่ จบการศึกษาระดับประถมศึกษา จำนวน 103,018 คน (ร้อยละ 23.50) รองลงมาคือระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 92,751 คน (ร้อยละ 21.16)

               การว่างงาน  จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้ว่างงาน จำนวน 4,575 คน (ร้อยละ 1.03) แยกเป็นชาย จำนวน 2,128 คน หญิง จำนวน 2,446 คน

              แรงงานนอกระบบ  จากข้อมูลปี 2562 พบว่าผู้มีงานทำอยู่ในแรงงานนอกระบบ จำนวน 179,703 คน (ร้อยละ 40.99 ของผู้มีงานทำ) เมื่อพิจารณาจำแนกตามประเภทอุตสาหกรรม พบว่าเป็นแรงงานนอกระบบ       ในภาคการเกษตร ได้แก่ เกษตรกรรม การล่าสัตว์และป่าไม้ จำนวน 76,128 คน (ร้อยละ 42.36) นอกภาคการเกษตร จำนวน 103,575 คน (ร้อยละ 57.64) ส่วนอุตสาหกรรมที่จำนวนแรงงานนอกระบบนอกภาคการเกษตรสูงสุด คือ การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ฯ จำนวน 35,606 คน (ร้อยละ 34.38) สำหรับด้านการศึกษาแรงงานนอกระบบส่วนใหญ่มีการศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา จำนวน 48,493 คน (ร้อยละ 26.99)

            การบริการจัดหางานในประเทศ  ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 (เมษายน – มิถุนายน) นายจ้าง/สถานประกอบการได้แจ้งตำแหน่งงานว่าง จำนวน 1,451 อัตรา โดยมีผู้ลงทะเบียนสมัครงาน 754 คน การบรรจุงาน 725 คน และอัตราบรรจุงาน ต่อตำแหน่งงานว่าง คิดเป็นร้อยละ 49.97 ส่วนตำแหน่งงานว่างตามระดับการศึกษาที่ต้องการสูงสุดคือ มัธยมศึกษา มีความต้องการ 582 อัตรา (ร้อยละ 40.11) รองลงมาเป็นระดับปวช./ปวส.อนุปริญญา 515 อัตรา (ร้อยละ 35.49) และระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า 206 อัตรา (ร้อยละ 14.20) ตามลำดับ สำหรับอาชีพที่มีการบรรจุงานมากที่สุด คือ อาชีพงานพื้นฐาน 577 คน (ร้อยละ 79.59) และอุตสาหกรรมที่มีตำแหน่งงานว่างมากที่สุด คือ การผลิต 1,002 อัตรา (ร้อยละ 69.06)

          การทำงานของคนต่างด้าว จำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานรวม จำนวน 43,279 คน
จำแนกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้

  1. คนต่างด้าวตลอดชีพ ได้แก่ คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 322 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 จำนวน 0 คน
  2. คนต่างด้าวมาตรา 59 คนต่างด้าวเข้าเมืองชั่วคราว ได้แก่ คนต่างด้าวที่มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร หรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองโดยมิใช่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยว หรือผู้เดินทางผ่าน และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในกฎกระทรวง จำนวน 1,377 คน
  3. คนต่างด้าวมาตรา 59 นำเข้าตาม MOU ได้แก่ คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชาที่เข้ามาทำงานตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต้นทาง จำนวน 21,397 คน
  4. คนต่างด้าวมาตรา 59 นำเข้าตาม MOU มติครม. วันที่ 20 สิงหาคม 2562 (OSS)ได้แก่ คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา กลุ่มที่มีใบอนุญาตทำงาน (Work Perrmit) จำนวน 18,837 คน
  5. คนต่างด้าวมาตรา 61 คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวกฎหมายว่าด้วย คนเข้าเมือง ในลักษณะจำเป็นเร่งด่วน จำนวน 0 คน
  6. คนต่างด้าวมาตรา 62 ประเภทส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้แก่ คนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน (พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520) หรือกฎหมายอื่น ได้แก่ พระราชบัญญัตินิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 เช่น นักลงทุน ช่างฝีมือ ผู้ชำนาญการ จำนวน 1,224 คน
  7. คนต่างด้าวมาตรา 63/1 ประเภทชนกลุ่มน้อย ได้แก่ คนต่างด้าวที่ไม่ได้รับสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ และกระทรวงมหาดไทยได้ออกเอกสารเพื่อรอพิสูจน์สถานะยื่นขอใบอนุญาตทำงาน จำนวน 444 คน

         แรงงานไทยในต่างประเทศ ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2563 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้แจ้งความประสงค์
ไปทำงานต่างประเทศ จำนวน 4 คน เป็นผู้มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษา จำนวน 2 คน (ร้อยละ 50) ระดับปวช./ปวส. ปวท.อนุปริญญา และระดับปริญญาตรีระดับละ จำนวน 1 คน (ร้อยละ 25) ส่วนวิธีการเดินทาง พบว่าไปโดยวิธี Re – Entry          จำนวน 1 คน (ร้อยละ 100) ภูมิภาคที่แรงงานไทยไปทำงานภูมิภาคตะวันออก

         การพัฒนาศักยภาพแรงงาน มีการฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน จำนวน 586 คน โดยกลุ่มอาชีพที่ฝึกยกระดับฝีมือสูงสุด คือ ธุรกิจและบริการ จำนวน 439 คน มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 435 คน รองลงมาช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ จำนวน 61 คน         มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 61 คน  และช่างอุตสาหการ จำนวน 46 คน  มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 46 คน

           การคุ้มครองแรงงาน จากการตรวจสถานประกอบการทั้งสิ้น 135 แห่ง มีลูกจ้างผ่านการตรวจ จำนวน 6,878 คน ซึ่งสถานประกอบการที่ตรวจส่วนใหญ่เป็นสถานประกอบขนาด 20 – 49 คน จำนวน 43 แห่ง (ร้อยละ 31.85) โดยสถานประกอบการส่วนใหญ่ (ร้อยละ 100) ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย

         การตรวจความปลอดภัยในการทำงาน ได้ดำเนินการตรวจความปลอดภัยในสถานประกอบการทั้งสิ้น 93 แห่ง ลูกจ้างที่ผ่านการตรวจทั้งสิ้น 6,742 คน ซึ่งสถานประกอบการที่ผ่านการตรวจมากที่สุดคือสถานประกอบการขนาด 20 – 49 คน จำนวน 25 แห่ง (ร้อยละ 26.88) รองลงมาเป็นสถานประกอบการขนาด 10 – 19 คน จำนวน 24 แห่ง (ร้อยละ 25.81) และขนาดสถานประกอบการ 100 – 299 คน รวม  17 แห่ง (ร้อยละ 18.28) โดยสถานประกอบการส่วนใหญ่ ร้อยละ 73.12 ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย

         การประสบอันตราย/เจ็บป่วยจากการทำงาน จังหวัดฉะเชิงเทรามีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องมาจากการทำงาน จำนวน 440 คน โดยประเภทของความร้ายแรงพบส่วนใหญ่จะหยุดงานไม่เกิน 1 วัน จำนวน 300 คน (ร้อยละ68.18) รองลงมาเป็นหยุดงานเกิน 1 วัน จำนวน 138 คน (ร้อยละ 31.36)  สูญเสียอวัยวะ จำนวน 1 คน (ร้อยละ 0.23) และตาย จำนวน 1 คน (ร้อย 0.23)

        การเกิดข้อเรียกร้อง/ข้อพิพาทแรงงานและข้อขัดแย้งภายในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีการแจ้งข้อเรียกร้อง จำนวน 5 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 4,541 คน ซึ่งสามารถยุติโดยไม่เกิดข้อพิพาทแรงงานด้วยการตกลงกันเองทั้ง 5 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง 4,541 คน การเกิดข้อขัดแย้ง จำนวน 3 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 1,841 คน แต่สามารถตกลงกันได้จึงเป็นการยุติข้อขัดแย้ง

           การประกันสังคม  พบว่าจังหวัดฉะเชิงเทรา มีสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคม
จำนวน 5,510 แห่ง ผู้ประกันตนทั้งสิ้น 229,379 คน และมีสถานพยาบาลในสังกัดประกันสังคมที่เป็นสถานพยาบาลในสังกัดประกันสังคมที่เป็นสถานพยาบาลของรัฐบาล จำนวน 1 แห่ง และสถานพยาบาลเอกชน จำนวน 2 แห่ง

           กองทุนประกันสังคม จังหวัดฉะเชิงเทรามีการใช้บริการของกองทุนประกันสังคมประเภทประโยชน์ทดแทน ทั้งสิ้น 129,576 คน พิจารณาตามประเภทของสิทธิประโยชน์ ซึ่งมี 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และกรณีว่างงาน สำหรับประเภทประโยชน์ทดแทนต่างๆที่ผู้ประกันตนใช้บริการสูงสุด 3 ลำดับแรกได้แก่ สงเคราะห์บุตร มีผู้ประกันตนใช้บริการ 81,456 ราย รองลงมาได้แก่ ว่างงาน 24,449 ราย และกรณีชราภาพ 10,736 ราย

           อัตราค่าจ้างขั้นต่ำของจังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรามีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 330 บาทต่อวัน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 จนถึงปัจจุบัน

 …………………………………..

 

 

 

TOP