บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและแรงงาน ไตรมาส 1 ปี 2561 (มกราคม – มีนาคม) มีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
สภาพเศรษฐกิจ
สำนักงานคลังจังหวัดฉะเชิงเทรา รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดในไตรมาส 1 ปี 2561 ณ ราคาประจำปีมีค่าเท่ากับ 236,493 ล้านบาท ลดลงจาก 250,916 ล้านบาท ในปี 2557 เท่ากับ 14,423 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 5.7 โดยผลิตภัณฑ์มวลรมจังหวัดต่อหัว (GPP per capita) ในปี2558 เท่ากับ 305,654 บาท ลดลงจาก 328,553 บาท ในปี 2557เท่ากับ 22,899 บาท หรือลดลงร้อยละ 7.0 ดัชนีราคาผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP Implicit Price Deflator) ในปี 2558 ลดลงร้อยละ 6.8 เทียบกับการขยายตัว ร้อยละ 11.8 ในปี 2557 โดยดัชนีราคาภาคนอกเกษตรลดลงร้อยละ6.9 เทียบกับการขยายตัว ร้อยละ 13.5 ในปี 2557 ส่วนดัชนีราคาภาคเกษตรลดลงร้อยละ 4.7 จากสาขาเกษตรกรรม การล่าสัตว์ และการป่าไม้ที่ลดลงร้อยละ 10.8 ดัชนีราคาผู้บริโภคของจังหวัดฉะเชิงเทรา เท่ากับ 100 และเดือนมีนาคม 2561 เท่ากับ 101.1 เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2561 เท่ากับ 101.2 การเปลี่ยนแปลงดัชนีราคาผู้บริโภคของจังหวัดฉะเชิงเทราเดือนมีนาคม 2561 เมื่อเทียบกับ เดือน กุมภาพันธ์ 2561 ลดลง ร้อยละ 0.1 เดือน มีนาคม 2560 สูงขึ้น ร้อยละ 0.4 เทียบเฉลี่ย 3 เดือน (มกราคม – มีนาคม) 2561 กับระยะเดียวกันของปี 2560 สูงขึ้น ร้อยละ 0.5 การจดทะเบียนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ มีจำนวน 112 ราย ทุนจดทะเบียน 279.60 ล้านบาท อุตสาหกรรม มีการจดทะเบียนบุคคลตั้งใหม่มากที่สุด 3 อันดับ คือ การขายส่ง ขายปลีกฯ จำนวน 49 แห่ง หรือร้อยละ 33.56 มีเงินลงทุน 129 ล้านบาท รองลงมาอื่นๆ จำนวน 30 แห่ง หรือร้อยละ20.55 มีเงินลงทุน 66.60 ล้านบาท และการก่อผลิต จำนวน 27 แห่ง หรือร้อยละ 18.49 มีเงินลงทุน 36.50 ล้านบาท ความเคลื่อนไหวการลงทุนอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา มีโรงงานที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ (สะสม) ณ เดือนมกราคม 2561 จำนวนทั้งสิ้น 2,115 โรงงาน เงินลงทุนรวม 288,437.278 ล้านบาท และมีจำนวนคนงาน 133,602 คน การลงทุนอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ อุตสาหกรรมขนส่ง จำนวนโรงงาน 200 โรงงาน เงินลงทุน 46,396.18 ล้านบาท คนงาน 18,186 คน รองลงมาเป็นอุตสาหกรรมไฟฟ้า จำนวนโรงงาน 108 โรงงาน เงินลงทุน 13,796.51 ล้านบาท คนงาน 26,079 คน และอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก จำนวนโรงงาน 182 โรงงาน เงินลงทุน 13,495.85 ล้านบาท คนงาน 13,141 คน สถานการณ์ด้านแรงงาน ในไตรมาส 1 ปี 2561 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้อยู่ในวัยทำงาน 662,787 คน เป็นผู้อยู่ในกำลังแรงงาน 444,598 คน ผู้มีงานทำ 439,301 คน ผู้ว่างงาน 5,297 คน การมีงานทำ ผู้มีงานทำในจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 439,301 คน หรือร้อยละ 98.81 ของผู้อยู่ในกำลังแรงงาน ทำงานในภาคเกษตร จำนวน 86,614 คน หรือร้อยละ 19.72 ทำงานนอกภาคเกษตร จำนวน 352,687 คนหรือร้อยละ 80.28 โดยทำงานในสาขาการผลิต จำนวน 160,116 คน หรือร้อยละ 36.48 รองลงมาคือการขายส่ง ขายปลีก ซ่อมแซมยานยนต์ รถจักรยานยนต์ จำนวน 62,464 คน หรือร้อยละ 14.29 และผู้มีงานทำส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 108,401 คน หรือร้อยละ 24.68 รองลงมาคือระดับประถมศึกษา จำนวน 96,023 คน หรือร้อยละ 21.86 การว่างงาน จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้ว่างงาน จำนวน 5,297 คน หรือมีอัตราการว่างงาน ร้อยละ 1.19 เป็นชาย จำนวน 3,173 คน หรือร้อยละ 59.90 หญิง จำนวน 2,124 คน หรือร้อยละ 40.10 แรงงานนอกระบบ สำหรับแรงงานนอกระบบ พบว่าในปัจจุบันผู้มีงานทำอยู่ในแรงงานนอกระบบ มีจำนวน 185,609 คน คิดเป็นร้อยละ 42.58 ของผู้มีงานทำ เมื่อพิจารณาจำแนกตามประเภทอุตสาหกรรม พบว่าแรงงานนอกระบบในภาคการเกษตร ได้แก่ เกษตรกรรม การล่าสัตว์และป่าไม้ จำนวน 89,462 คนร้อยละ 48.20 ส่วนอุตสาหกรรมที่จำนวนแรงงานนอกระบบนอกภาคเกษตรกรรมสูงสุด คือ การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ ฯ จำนวน 37,377 คน (ร้อยละ 20.14) และแรงงานนอกระบบส่วนใหญ่การศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา จำนวน 52,207 คน ร้อยละ 28.13 การบริการจัดหางานในประเทศ ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2561 (มกราคม – มีนาคม) นายจ้าง/สถานประกอบการได้แจ้งตำแหน่งงานว่าง จำนวน 1,516 อัตรา โดยมีผู้สมัครงาน 517 คน การบรรจุ 653 คน และการบรรจุงานจะมีอัตราบรรจุงาน ต่อตำแหน่งงานว่างร้อยละ43.07 ส่วนตำแหน่งงานว่างตามระดับการศึกษาที่ต้องการสูงสุดคือ ปวช./ปวส.อนุปริญญา มีความต้องการ ร้อยละ44.72 (678อัตรา) รองลงมาเป็นระดับมัธยมศึกษา ร้อยละ38.19 (579 อัตรา) และระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า ร้อยละ 9.10(138 อัตรา) ตามลำดับ สำหรับอาชีพที่มีการบรรจุงานมากที่สุด คือ อาชีพงานพื้นฐาน ร้อยละ65.63 (995 คน) และอุตสาหกรรมที่มีตำแหน่งงานว่างมากที่สุด คือ การผลิต ร้อยละ 73.81 (1,119 อัตรา) ความต้องการแรงงานในจังหวัดฉะเชิงเทราปี 2560 การสำรวจข้อมูลของสถานประกอบการ ใน26 สาขาอุตสาหกรรม จำนวน 840 แห่ง ในปี 2560 พบว่ามีผู้ทำงานรวม ทั้งสิ้น 183,524 คน เป็นชาย 91,571 คน (ร้อยละ 49.90 ) เป็นหญิง 91,953 คน (ร้อยละ 50.10 ) ทั้งนี้ ผู้ทำงานส่วนใหญ่เป็นแรงงาน กึ่งฝีมือ 85,616 คน เป็นร้อยละ 46.65 รองลงมาเป็นแรงงานฝีมือ 54,355 คน คิดเป็นร้อยละ 29.62 แรงงานไร้ฝีมือ จำนวน 38,349 คน คิดเป็นร้อยละ 20.90 และผู้เชี่ยวชาญ/ผู้บริหาร 5,204 คน คิดเป็นร้อยละ 2.84 ส่วนผู้มีงานทำทั้งหมดตามระดับการศึกษาที่จบพบว่าในปี 2560 มีผู้ทำงานที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย(ม.6) มากที่สุด จำนวน 43,075 คน (ร้อยละ 23.47) รองลงมาได้แก่ระดับ ปวช. จำนวน 41,691 คน (ร้อยละ 22.72) และมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.3) จำนวน 37,010 คน (ร้อยละ20.13) ทั้งนี้ กลุ่มผู้ทำงานที่จบการศึกษาต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายลงไป ส่วนใหญ่เป็นแรงงานไร้ฝีมือและแรงงานกึ่งฝีมือ ในขณะที่กลุ่มผู้มีงานทำที่จบการศึกษาระดับ ปวช. ขึ้นไป ส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานกึ่งฝีมือและแรงงานฝีมือ การทำงานของคนต่างด้าว จำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานรวม จำนวน 60,887 คน จำแนกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้ 1.คนต่างด้าวตลอดชีพ ได้แก่ คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานตามประกาศของคณะปฏิบัติ ฉบับที่ 322 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 จำนวน 0 คน 2.คนต่างด้าวมาตรา 9 ประเภททั่วไป ได้แก่ คนต่างด้าวที่มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร หรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองโดยมิใช่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยว หรือผู้เดินทางผ่าน และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในกฎกระทรวง จำนวน 1,112 คน 3.คนต่างด้าวมาตรา 9 พิสูจน์สัญชาติ ได้แก่ คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชาที่หลบหนีเข้าเมืองได้รับผ่อนผันให้ทำงานและอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ตามมติคณะรัฐมนตรี ได้ผ่านการพิสูจน์สัญชาติและปรับสถานะการเข้าเมืองถูกกฎหมายเรียบร้อยแล้ว จำนวน 13,075 คน 4.คนต่างด้าวมาตรา 9 นำเข้าตาม MOU ได้แก่ คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชาที่เข้ามาทำงานตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทย กับ รัฐบาลประเทศต้นทาง จำนวน 16,226 คน 5.คนต่างด้าวมาตรา 12 ประเภทส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้แก่ คนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน (พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520) หรือกฎหมายอื่น ได้แก่ พระราชบัญญัตินิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 เช่น นักลงทุน ช่างฝีมือ ผู้ชำนาญการ จำนวน 1,046 คน 6.คนต่างด้าวมาตรา 13 ประเภทชนกลุ่มน้อย ได้แก่ คนต่างด้าวที่ไม่ได้รับสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ และกระทรวงมหาดไทยได้ออกเอกสารเพื่อรอพิสูจน์สถานะยื่นขอใบอนุญาตทำงาน จำนวน 353 คน 7.คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ได้รับอนุญาตทำงานตามมติครม.3 สัญชาติ (เมียนมา ลาว กัมพูชา) จำนวนทั้งสิ้น 29,075 คน จำแนกเป็นเมียนมา จำนวน 9,954 คน ลาว 2,000 คน กัมพูชา จำนวน 17,121 คน แรงงานไทยในต่างประเทศ ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2560 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้แจ้งความประสงค์ ไปทำงานต่างประเทศ จำนวน 122 คน โดยแรงงานที่ทำงานในต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นผู้มีการศึกษาระดับประถมศึกษา จำนวน 79 คน หรือร้อยละ 64.75 ส่วนวิธีการเดินทางพบว่านายจ้างพาไปทำงาน ร้อยละ50.82 (62 คน) รองลงมาเป็นประเภท Re – Entry ร้อยละ 43.44 (53 คน) ส่วนภูมิภาคที่แรงงานไทยไปทำงานส่วนใหญ่จะกระจุกตัวในภูมิภาคเอเชีย ร้อยละ 87.70 (107 คน) ของแรงงานที่ไปทำงานต่างประเทศทั้งหมด การพัฒนาศักยภาพ สำหรับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน มีการฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน จำนวน 2,116 คน โดยกลุ่มอาชีพที่ฝึกยกระดับฝีมือสูงสุด คือช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ จำนวน 960 คน หรือร้อยละ 45.37 มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 951 คน ร้อยละ 47.41 รองลงมาเป็นช่างธุรกิจและบริการ จำนวน 493 คน ร้อยละ23.30 มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 415 คน ร้อยละ 20.69 และช่างเครื่องกล จำนวน 472 คน ร้อยละ 22.31 มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 449 คน ร้อยละ 22.38 ส่วนการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ไตรมาส 1 ปี 2561 (มกราคม – มีนาคม) มีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน จำนวนทั้งสิ้น 371 คน พบว่า กลุ่มอาชีพที่มีการทดสอบมากที่สุด คือ ช่างเครื่องกล จำนวน 168 คน คิดเป็นร้อยละ45.28 มีผู้ผ่านการฝึกการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน จำนวน 168 คน คิดเป็นร้อยละ 55.26 รองลงมาเป็นช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์จำนวน 147 คน ร้อยละ 39.62 มีผู้ผ่านการฝึกการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน จำนวน 136 คน ร้อยละ 44.74 และช่างอุตสาหการ จำนวน 56 คน ร้อยละ 15.09 การคุ้มครองแรงงาน จากการตรวจสถานประกอบการทั้งสิ้น 103 แห่ง มีลูกจ้างผ่านการตรวจ จำนวน 7,609 คน ซึ่งสถานประกอบการที่ตรวจส่วนใหญ่เป็นสถานประกอบขนาด 20 – 49 คน ร้อยละ 20.39 (21 แห่ง) โดยสถานประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 85.44 ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย การตรวจความปลอดภัยในการทำงาน ได้ดำเนินการตรวจความปลอดภัยในสถานประกอบการประเภทอุตสาหกรรมทั้งสิ้น 107 แห่ง ลูกจ้างที่ผ่านการตรวจทั้งสิ้น 8,448 คน ซึ่งสถานประกอบการที่ผ่านการตรวจมากที่สุดคือสถานประกอบการขนาด 20 – 49 คน จำนวน 30 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 28.04 รองลงมาเป็นสถานประกอบการขนาด 100 – 299 คน จำนวน 23 แห่งคิดเป็นร้อยละ 21.49 และขนาดสถานประกอบการ 10 – 19 คน จำนวน 20 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 18.69 การประสบอันตราย/เจ็บป่วยจากการทำงาน ในช่วงรายปี 2560 (มกราคม – ธันวาคม) จังหวัดฉะเชิงเทรามีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องมาจากการทำงาน จำนวน 647 คน โดยประเภทของความร้ายแรงพบส่วนใหญ่จะหยุดงานไม่เกิน 3 วัน จำนวน 418 คน หรือร้อยละ64.61 รองลงมาเป็นหยุดงานเกิน 3 วัน จำนวน 226 คน หรือร้อยละ 34.93 และตาย จำนวน 3 คน หรือร้อยละ 0.46 การเกิดข้อเรียกร้อง/ข้อพิพาทแรงงานและข้อขัดแย้งภายในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีการแจ้ง ข้อเรียกร้อง จำนวน 3 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 1,186 คน สามารถตกลงกันเองได้ จำนวน 3 แห่ง มีลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 1,186 คน การเกิดข้อขัดแย้ง จำนวน 1 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 800 คน การฟ้องศาลแรงงาน จำนวน 1 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 800 คน การเลิกจ้างแรงงาน สถานประกอบกิจการในจังหวัดฉะเชิงเทรา การเลิกจ้างไตรมาส 1 ปี 2561 (มกราคม – มีนาคม) มีสถานประกอบการที่เลิกกิจการทั้งสิ้น จำนวน 13 แห่ง เป็นสถานประกอบการขนาด1–4 คน จำนวน 8 แห่ง ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง จำนวน 7 คน โดยประเภทกิจการที่มีการเลิกจ้างสูงสุด คือประเภทกิจการกิจกรรมการบริการด้านอื่นๆ จำนวน 6 แห่ง หรือร้อยละ46.15 ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง จำนวน 31 คน หรือ ร้อยละ51.67 การประกันสังคม พบว่าจังหวัดฉะเชิงเทรา มีสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคม จำนวน 4,735 แห่ง ผู้ประกันตนทั้งสิ้น 223,638 คน และมีสถานพยาบาลในสังกัดประกันสังคมที่เป็นสถานพยาบาลในสังกัดประกันสังคมที่เป็นสถานพยาบาลของรัฐบาล จำนวน 1 แห่ง และสถานพยาบาลเอกชน จำนวน 2 แห่ง กองทุนประกันสังคม จังหวัดฉะเชิงเทราการใช้บริการของกองทุนประกันสังคมประเภทประโยชน์ทดแทน ทั้งสิ้น 106,521 คน พิจารณาตามประเภทของสิทธิประโยชน์ ซึ่งมี 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และกรณีว่างงาน สำหรับประเภทประโยชน์ทดแทนต่างๆที่ผู้ประกันตนใช้บริการสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ สงเคราะห์บุตร มีผู้ประกันตนใช้บริการ 78,908 ราย รองลงมาได้แก่ กรณีเจ็บป่วย 13,176 ราย และว่างงาน 5,710 ราย