บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและแรงงาน ไตรมาส 1 ปี 2563 (มกราคม – มีนาคม) มีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
สภาพเศรษฐกิจของจังหวัดฉะเชิงเทรา
เศรษฐกิจจังหวัดฉะเชิงเทรา มีสัญญาณการหดตัว โดยด้านอุปทานหดตัวจากภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ สำหรับด้านอุปสงค์หดตัวจากการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐ เสถียรภาพเศรษฐกิจของจังหวัด อัตราเงินเฟ้อขยายตัว ขณะที่จ้างงานหดตัว
ด้านอุปทาน (การผลิต) ผลผลิตภาคเกษตรกรรมหดตัวร้อยละ – 27.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของ ปีก่อน ตามปริมาณผลผลิตข้าว สุกร ไก่เนื้อ และยางพารา ลดลง เป็นผลมาจากปัญหาภัยแล้ง ประกอบกับจังหวัดฉะเชิงเทราพึ่งพาน้ำจากแม่น้ำบางปะกงเป็นหลักเมื่อเกิดภัยแล้งน้ำทะเลหนุนเข้ามาส่งผลให้น้ำกร่อย ทำให้ไม่สามารถเปิดรับน้ำเข้าในพื้นที่เพื่อทำการเกษตรและเลี้ยงสัตว์ได้ ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวร้อยละ – 6.1 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการใช้ไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมและจำนวนโรงงานในจังหวัดลดลง และดัชนีผลผลิตภาคบริการหดตัวร้อยละ – 0.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนจากจำนวนภาษีบริการ (สนามกอล์ฟ) ลดลง
ด้านอุปสงค์ (การใช้จ่าย) มีการหดตัวจากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยดัชนีการบริโภคภาคเอกชนหดตัวร้อยละ -10.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหมวดขายส่ง ขายปลีกฯ จำนวนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ลดลง ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนหดตัวร้อยละ -10.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากพื้นที่อนุญาตก่อสร้างทั้งหมดและรถยนต์ที่จดทะเบียนใช้ในการพาณิชย์ลดลง และดัชนีการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวร้อยละ -35.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนจากการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนลดลง
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของจังหวัดฉะเชิงเทรา ในปี 2558 เท่ากับ 100 เดือนมีนาคม 2563 เท่ากับ 101.30 เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เท่ากับ 102.10 ลดลง ร้อยละ 0.80 ถ้าเทียบเดือนมีนาคม 2562 ลดลง ร้อยละ 0.60 เทียบเฉลี่ย 3 เดือน (มกราคม – มีนาคม) 2563 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 สูงขึ้น ร้อยละ 0.30
การจดทะเบียนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ มีจำนวน 153 ราย ทุนจดทะเบียน 363.26 ล้านบาท อุตสาหกรรมมีการจดทะเบียนบุคคลตั้งใหม่มากที่สุด 3 อันดับ คือ การขายส่ง ขายปลีกฯ จำนวน 49 แห่ง (ร้อยละ 32.03) มีเงินลงทุน 82.80 ล้านบาท รองลงมาเป็นการผลิต จำนวน 29 แห่ง (ร้อยละ 18.95) มีเงินลงทุน 164.40 ล้านบาท และการก่อสร้าง จำนวน 21 แห่ง (ร้อยละ 13.73) มีเงินลงทุน 29.60 ล้านบาท
สำหรับการจดทะเบียนโรงงานใหม่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ไตรมาส 1 ปี 2563 (มกราคม – มีนาคม) พบว่า มีการจดทะเบียนโรงงาน จำนวน 16 โรงงาน มีเงินทุนจดทะเบียน จำนวน 3,207.43 ล้านบาท พนักงาน จำนวน 528 คน
ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ปี 2560 เท่ากับ 341,116 ล้านบาท เป็นอันดับที่ 6 ของประเทศ และเป็นอันดับ 4 ของภาคตะวันออก โดยรายได้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับสาขาการผลิต/อุตสาหกรรม ซึ่งมีมูลค่ารวม 226,796 ล้านบาท (ร้อยละ 66.49) ของผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดฉะเชิงเทรา
ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด ปี 2560 เฉลี่ยต่อคนต่อปีเท่ากับ 427,409 บาท
สถานการณ์ด้านแรงงาน
ในไตรมาส 1 ปี 2563 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้อยู่ในวัยทำงาน 683,649 คน เป็นผู้อยู่ในกำลังแรงงาน 454,841 คน ผู้มีงานทำ 446,880 คน ผู้ว่างงาน 7,342 คน และกำลังแรงงานที่รอฤดูกาล 618 คน
การมีงานทำ ผู้มีงานทำในจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 446,880 คน คิดเป็นร้อยละ 98.25 ของผู้อยู่ในกำลังแรงงาน ทำงานในภาคเกษตร จำนวน 118,839 คน (ร้อยละ26.59) ทำงานนอกภาคเกษตร จำนวน 328,041 คน (ร้อยละ 73.41) โดยทำงานในสาขาการผลิตมากที่สุด จำนวน 141,050 คน (ร้อยละ 31.56) รองลงมาคือการขายส่ง ขายปลีก ซ่อมแซมยานยนต์ รถจักรยานยนต์ จำนวน 70,360 คน (ร้อยละ15.74) และผู้มีงานทำส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 100,054 คน (ร้อยละ 22.39) รองลงมาคือระดับประถมศึกษา จำนวน 90,619 คน (ร้อยละ 20.28)
การว่างงาน จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้ว่างงาน จำนวน 7,342 คน (ร้อยละ 1.61) แยกเป็นชาย จำนวน 4,903 คน หญิง จำนวน 2,439 คน
แรงงานนอกระบบ จากข้อมูลปี 2562 พบว่าผู้มีงานทำอยู่ในแรงงานนอกระบบ จำนวน 179,703 คน (ร้อยละ 40.21 ของผู้มีงานทำ) เมื่อพิจารณาจำแนกตามประเภทอุตสาหกรรม พบว่าเป็นแรงงานนอกระบบ ในภาคการเกษตร ได้แก่ เกษตรกรรม การล่าสัตว์และป่าไม้ จำนวน 76,128 คน (ร้อยละ 42.36) นอกภาคการเกษตร จำนวน 103,575 คน (ร้อยละ 57.64) ส่วนอุตสาหกรรมที่จำนวนแรงงานนอกระบบนอกภาคการเกษตรสูงสุด คือ การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ฯ จำนวน 35,606 คน (ร้อยละ 34.38) สำหรับด้านการศึกษาแรงงานนอกระบบส่วนใหญ่มีการศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา จำนวน 48,493 คน (ร้อยละ 26.99)
การบริการจัดหางานในประเทศ ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2563 (มกราคม – มีนาคม) นายจ้าง/สถานประกอบการได้แจ้งตำแหน่งงานว่าง จำนวน 525 อัตรา โดยมีผู้ลงทะเบียนสมัครงาน 376 คน การบรรจุงาน 713 คน และอัตราบรรจุงาน ต่อตำแหน่งงานว่าง คิดเป็นร้อยละ 135.81 ส่วนตำแหน่งงานว่างตามระดับการศึกษาที่ต้องการสูงสุดคือ มัธยมศึกษา มีความต้องการ 190 อัตรา (ร้อยละ 36.19) รองลงมาเป็นระดับปวช./ปวส.อนุปริญญา 161 อัตรา (ร้อยละ 30.67) และระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า 143 อัตรา (ร้อยละ 27.24) ตามลำดับ สำหรับอาชีพที่มีการบรรจุงานมากที่สุด คือ อาชีพงานพื้นฐาน 573 คน (ร้อยละ 80.36) และอุตสาหกรรมที่มีตำแหน่งงานว่างมากที่สุด คือ การผลิต 335 อัตรา (ร้อยละ 63.81)
การทำงานของคนต่างด้าว จำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานรวม จำนวน 54,085 คน
จำแนกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
- คนต่างด้าวตลอดชีพ ได้แก่ คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 322 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 จำนวน 0 คน
- คนต่างด้าวมาตรา 59 คนต่างด้าวเข้าเมืองชั่วคราว ได้แก่ คนต่างด้าวที่มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร หรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองโดยมิใช่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยว หรือผู้เดินทางผ่าน และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในกฎกระทรวง จำนวน 1,457 คน
- คนต่างด้าวมาตรา 59 นำเข้าตาม MOU ได้แก่ คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชาที่เข้ามาทำงานตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต้นทาง จำนวน 16,875 คน
- คนต่างด้าวมาตรา 59 นำเข้าตาม MOU มติครม. วันที่ 20 สิงหาคม 2562 (OSS)ได้แก่ คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา กลุ่มที่มีใบอนุญาตทำงาน (Work Perrmit) จำนวน 15,772 คน
5. คนต่างด้าวมาตรา 61 คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวกฎหมายว่าด้วย คนเข้าเมือง ในลักษณะจำเป็นเร่งด่วน จำนวน 28 คน
6. คนต่างด้าวมาตรา 62 ประเภทส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้แก่ คนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน (พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520) หรือกฎหมายอื่น ได้แก่ พระราชบัญญัตินิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 เช่น นักลงทุน ช่างฝีมือ ผู้ชำนาญการ จำนวน 1,227 คน
7. คนต่างด้าวมาตรา 63/1 ประเภทชนกลุ่มน้อย ได้แก่ คนต่างด้าวที่ไม่ได้รับสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ และกระทรวงมหาดไทยได้ออกเอกสารเพื่อรอพิสูจน์สถานะยื่นขอใบอนุญาตทำงาน จำนวน 446 คน
8. คนต่างด้าวมาตรา 63/2 มติครม.เดิม กรณีที่รัฐมนตรีตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองอนุญาตให้คนต่างด้าวผู้ใดหรือจำพวกใดเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรได้ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองหรือยกเว้นให้คนต่างด้าวผู้ใดหรือจำพวกใดไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าคนเข้าเมือง จำนวน 18,280 คน
แรงงานไทยในต่างประเทศ ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2563 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้แจ้งความประสงค์
ไปทำงานต่างประเทศ จำนวน 38 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษา จำนวน 13 คน (ร้อยละ 34.21) รองลงมาเป็นระดับประถมศึกษา และระดับปวช./ปวส. ปวท.อนุปริญญาระดับละ จำนวน 9 คน (ร้อยละ 23.68) ส่วนวิธีการเดินทาง พบว่าไปโดยวิธี Re – Entry มากที่สุด จำนวน 37 คน (ร้อยละ 97.37) รองลงมาเป็นเดินทางด้วยตนเอง จำนวน 1 คน (ร้อยละ 2.63) ส่วนภูมิภาคที่แรงงานไทยไปทำงานส่วนใหญ่จะกระจุกตัว ในภูมิภาคเอเชีย จำนวน 20 คน (ร้อยละ 52.63) ของแรงงานที่ไปทำงานต่างประเทศทั้งหมด
การพัฒนาศักยภาพแรงงาน มีการฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน จำนวน 1,074 คน โดยกลุ่มอาชีพที่ฝึกยกระดับฝีมือสูงสุด คือ ช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ จำนวน 452 คน) มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 423 คน รองลงมาธุรกิจและบริการ จำนวน 333 คน มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 333 คน และช่างเครื่องกล จำนวน 266 คน มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 255 คน
ส่วนการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน มีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน จำนวนทั้งสิ้น 119 คน พบว่าเป็นการทดสอบในกลุ่มอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ทั้ง119 คน มีผู้ผ่านการฝึกการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน จำนวน 88 คน
การคุ้มครองแรงงาน จากการตรวจสถานประกอบการทั้งสิ้น 100 แห่ง มีลูกจ้างผ่านการตรวจ จำนวน 5,264 คน ซึ่งสถานประกอบการที่ตรวจส่วนใหญ่เป็นสถานประกอบขนาด 20 – 49 คน จำนวน 40 แห่ง (ร้อยละ 40) โดยสถานประกอบการส่วนใหญ่ (ร้อยละ 74) ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย
การตรวจความปลอดภัยในการทำงาน ได้ดำเนินการตรวจความปลอดภัยในสถานประกอบการทั้งสิ้น 70 แห่ง ลูกจ้างที่ผ่านการตรวจทั้งสิ้น 7,752 คน ซึ่งสถานประกอบการที่ผ่านการตรวจมากที่สุดคือสถานประกอบการขนาด 50 – 99 คน จำนวน 36 แห่ง (ร้อยละ 51.43) รองลงมาเป็นสถานประกอบการขนาด 100 – 299 คน จำนวน 21 แห่ง (ร้อยละ 30) และขนาดสถานประกอบการ 20 – 49 คน รวม 5 แห่ง (ร้อยละ 7.14) โดยสถานประกอบการส่วนใหญ่ ร้อยละ 67.14 ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย
การประสบอันตราย/เจ็บป่วยจากการทำงาน จังหวัดฉะเชิงเทรามีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องมาจากการทำงาน จำนวน 728 คน โดยประเภทของความร้ายแรงพบส่วนใหญ่จะหยุดงานไม่เกิน 1 วัน จำนวน 513 คน (ร้อยละ70.47) รองลงมาเป็นหยุดงานเกิน 1 วัน จำนวน 212 คน (ร้อยละ 29.12) และตาย จำนวน 3 คน (ร้อย 0.41)
การเกิดข้อเรียกร้อง/ข้อพิพาทแรงงานและข้อขัดแย้งภายในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีการแจ้งข้อเรียกร้อง จำนวน 4 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 1,480 คน ซึ่งสามารถยุติโดยไม่เกิดข้อพิพาทแรงงานด้วยการตกลงกันเองทั้ง 4 แห่ง และมีการเกิดข้อขัดแย้ง จำนวน 1 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง 221 คน แต่สามารถตกลงกันได้จึงเป็นการยุติข้อขัดแย้ง
การเลิกจ้าง มีสถานประกอบการที่เลิกกิจการทั้งสิ้น จำนวน 3 แห่ง เป็นสถานประกอบการขนาด 1 – 4 คน จำนวน 3 แห่ง ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง จำนวน 6 คน โดยประเภทกิจการที่มีการเลิกจ้าง คือ การจัด หาน้ำ การจัดการน้ำเสียและของเสีย รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง จำนวน 1 แห่ง ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง จำนวน 4 คน การก่อสร้าง 1 แห่ง และกิจกรรมด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์ 1 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 คน
การประกันสังคม พบว่าจังหวัดฉะเชิงเทรา มีสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคม
จำนวน 5,513 แห่ง ผู้ประกันตนทั้งสิ้น 239,850 คน และมีสถานพยาบาลในสังกัดประกันสังคมที่เป็นสถานพยาบาลในสังกัดประกันสังคมที่เป็นสถานพยาบาลของรัฐบาล จำนวน 1 แห่ง และสถานพยาบาลเอกชน จำนวน 2 แห่ง
กองทุนประกันสังคม จังหวัดฉะเชิงเทรามีการใช้บริการของกองทุนประกันสังคมประเภทประโยชน์ทดแทน ทั้งสิ้น 121,059 คน พิจารณาตามประเภทของสิทธิประโยชน์ ซึ่งมี 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และกรณีว่างงาน สำหรับประเภทประโยชน์ทดแทนต่างๆที่ผู้ประกันตนใช้บริการสูงสุด 3 ลำดับแรกได้แก่ สงเคราะห์บุตร มีผู้ประกันตนใช้บริการ 81,464 ราย รองลงมาได้แก่ เจ็บป่วย 18,841 ราย และกรณีชราภาพ 10,736 ราย
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำของจังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรามีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 330 บาทต่อวัน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 จนถึงปัจจุบัน
…………………………………..
ไฟล์แนบ:
pll_file_nameรวมเล่มสถานการณ์แรงงาน
วันที่สร้าง : 15 พ.ค. 2563