บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและแรงงาน ไตรมาส 1 ปี 2560 มีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
สภาพเศรษฐกิจ
สำนักงานคลังจังหวัดฉะเชิงเทรา รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดในไตรมาส 1 ปี 2560 พบว่าอุตสาหกรรมที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่1) อุตสาหกรรม (ร้อยละ 75.71ของGPP)
2) เกษตรกรรม การล่าสัตว์ และการป่าไม้ (ร้อยละ 4.05 ของ GPP) 3) การขายส่ง-ขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ฯ (ร้อยละ 12.86 ของ GPP) ดัชนีราคาผู้บริโภคของจังหวัดฉะเชิงเทรา เท่ากับ 100 และเดือนธันวาคม 2559 เท่ากับ 107.9 สำหรับเดือนพฤศจิกายน 2559 เท่ากับ 107.7 การจดทะเบียนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ มีจำนวน 44 ราย ทุนจดทะเบียน 68.15 ล้านบาท อุตสาหกรรมที่มีทุนจดทะเบียนสูงสุดคือการขายส่ง ขายปลีกฯ ในส่วนการจดทะเบียนโรงงานจัดตั้งใหม่ พบว่ามีจำนวน 130 แห่ง ทุนจดทะเบียน 295.29 ล้านบาท
2) เกษตรกรรม การล่าสัตว์ และการป่าไม้ (ร้อยละ 4.05 ของ GPP) 3) การขายส่ง-ขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ฯ (ร้อยละ 12.86 ของ GPP) ดัชนีราคาผู้บริโภคของจังหวัดฉะเชิงเทรา เท่ากับ 100 และเดือนธันวาคม 2559 เท่ากับ 107.9 สำหรับเดือนพฤศจิกายน 2559 เท่ากับ 107.7 การจดทะเบียนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ มีจำนวน 44 ราย ทุนจดทะเบียน 68.15 ล้านบาท อุตสาหกรรมที่มีทุนจดทะเบียนสูงสุดคือการขายส่ง ขายปลีกฯ ในส่วนการจดทะเบียนโรงงานจัดตั้งใหม่ พบว่ามีจำนวน 130 แห่ง ทุนจดทะเบียน 295.29 ล้านบาท
สถานการณ์ด้านแรงงาน
ไตรมาส 1 ปี 2560 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้อยู่ในวัยทำงาน 652,051 คน เป็นผู้อยู่ในกำลังแรงงาน 444,818 คน ผู้มีงานทำ 443,220 คน ผู้ว่างงาน 1,598 คน
การมีงานทำ ผู้มีงานทำในจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 443,220 คน หรือร้อยละ 99.64 ทำงานในภาคเกษตรผู้มีงานทำ จำนวน 114,837 คน หรือร้อยละ 25.91 ทำงานนอกภาคเกษตร โดยทำงานในสาขาการผลิตจำนวน 149,011 คน หรือร้อยละ 33.62 รองลงมาคือการขายส่ง ขายปลีก ซ่อมแซมยานยนต์ รถจักรยานยนต์ จำนวน 54,450 คน หรือร้อยละ 12.29 และผู้มีงานทำส่วนใหญ่ระดับประถมศึกษา จำนวน 112,339 คน หรือ ร้อยละ 25.35
การว่างงาน จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้ว่างงาน จำนวน 1,598 คน หรือมีอัตราการว่างงานร้อยละ 0.36 และระดับการศึกษาที่มีผู้ว่างงานสูงสุด คือ ระดับต่ำกว่าประถมศึกษา จำนวน 161,576 คน หรือร้อยละ24.78
ของผู้ว่างงานทั้งหมดในจังหวัด
ของผู้ว่างงานทั้งหมดในจังหวัด
แรงงานนอกระบบ สำหรับแรงงานนอกระบบ พบว่าในปัจจุบันผู้มีงานทำอยู่ในแรงงานนอกระบบ มีจำนวน 180,822 คน คิดเป็นร้อยละ 40.79 ของผู้มีงานทำ เมื่อพิจารณาจำแนกตามประเภทอุตสาหกรรม พบว่าแรงงานนอกระบบในภาคการเกษตร ได้แก่ เกษตรกรรม การล่าสัตว์และป่าไม้ จำนวน 80,488 คนร้อยละ 44.51 ส่วนอุตสาหกรรมที่จำนวนแรงงานนอกระบบนอกภาคเกษตรกรรมสูงสุด คือ 1) การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ ฯ จำนวน 44,610 คน (ร้อยละ 24.67) และแรงงานนอกระบบส่วนอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับประถมศึกษา จำนวน 50,998 คน ร้อยละ 28.20
การบริการจัดหางานในประเทศ ในช่วงไตรมาสที่ 1 (มกราคม – มีนาคม) ปี 2560 นายจ้าง/สถานประกอบการได้แจ้งตำแหน่งงานว่าง จำนวน 988 อัตรา โดยมีผู้สมัครงาน 461 คน การบรรจุ 402คน และการบรรจุงานจะมีอัตราบรรจุงาน ต่อตำแหน่งงานว่างร้อยละ 40.49 ส่วนตำแหน่งงานว่างตามระดับการศึกษาที่ต้องการสูงสุดคือ ปวช./ปวส.อนุปริญญา มีความต้องการร้อยละ10.89 (404 อัตรา) รองลงมาเป็นระดับมัธยมศึกษา ร้อยละ 31.58 และระดับปริญญาตรี ร้อยละ 18.83 (186 อัตรา) ตามลำดับ สำหรับอาชีพที่มีการบรรจุงานมากที่สุด คือ อาชีพงานพื้นฐาน ร้อยละ 80.94 (327 คน) และอุตสาหกรรมที่มีตำแหน่งงานว่างมากที่สุด คือ การผลิต ร้อยละ 76.01 (751 อัตรา)
ความต้องการแรงงานในจังหวัดฉะเชิงเทราปี 2559 คาดประมาณว่าจะมีความต้องการแรงงานในกลุ่มแรงงานฝีมือสูงที่สุด คือ จำนวน 71,697 คน และรองลงมาคือแรงงานไร้ฝีมือ 52,830 คน โดยแรงงานที่ต้องการส่วนใหญ่ต้องการระดับมัธมศึกษาตอนต้น จำนวน 52,221 คน รองลงมาคือระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจำนวน 30,961 คน อุตสาหกรรมการผลิตอื่นๆเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องการแรงงานสูงสุด สำหรับ การเข้าออกงานลูกจ้างที่ออกจากงาน ปี 2559 มีจำนวน 6,898 คน สาเหตุส่วนใหญ่เพราะลาออก ส่วนลูกจ้างที่เข้างานจำนวน 2,465 เข้างานเนื่องจากทดแทนคนเก่า ส่วนอาชีพที่ขาดแคลนมากที่สุดในจังหวัดฉะเชิงเทราคือ อาชีพการผลิตโลหะและผลิตภัณฑ์ประดิษฐ์ จำนวน 1,224 คน (ร้อยละ 75.46) และอาชีพการขายส่ง ขายปลีก ซ่อมยานยนต์และรถยนต์ จำนวน 113 คน (ร้อยละ 6.97) ระดับการศึกษาที่ขาดแคลนสูงสุดคือระดับ ปวช. จำนวน 87 คน(ร้อยละ 35.66) สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาในจังหวัดพบว่ามีผู้สำเร็จระดับปริญญาตรี จำนวน 45 อัตรา (ร้อยละ 18.44) และระดับปวส. จำนวน 30 อัตรา (ร้อยละ 12.30)
การใช้แรงงานต่างด้าว จำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานคงเหลือจำนวน 13,035 คน
จำแนกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
จำแนกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
1.คนต่างด้าวตลอดชีพ ได้แก่ คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานตามประกาศของคณะปฏิบัติ ฉบับที่ 322 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 จำนวน 0 คน
2.คนต่างด้าวมาตรา 9 ประเภททั่วไป ได้แก่ คนต่างด้าวที่มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร หรือได้รับอนุญาตให้เข้ามา
ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองโดยมิใช่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยว
ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองโดยมิใช่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยว
หรือผู้เดินทางผ่าน และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในกฎกระทรวง จำนวน 1,049 คน
3.คนต่างด้าวมาตรา 9 พิสูจน์สัญชาติ ได้แก่ คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชาที่หลบหนีเข้าเมืองได้รับผ่อนผันให้ทำงานและอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามมติคณะรัฐมนตรีได้ผ่านการพิสูจน์สัญชาติและปรับสถานะการเข้าเมืองถูกกฎหมายเรียบร้อยแล้ว จำนวน 8,976 คน
3.คนต่างด้าวมาตรา 9 พิสูจน์สัญชาติ ได้แก่ คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชาที่หลบหนีเข้าเมืองได้รับผ่อนผันให้ทำงานและอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามมติคณะรัฐมนตรีได้ผ่านการพิสูจน์สัญชาติและปรับสถานะการเข้าเมืองถูกกฎหมายเรียบร้อยแล้ว จำนวน 8,976 คน
4.คนต่างด้าวมาตรา 9 นำเข้าตาม MOU ได้แก่ คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชาที่เข้ามาทำงานตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทย กับ รัฐบาลประเทศต้นทาง จำนวน 1,982 คน
5.คนต่างด้าวมาตรา 12 ประเภทส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้แก่คนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน (พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520) หรือกฎหมายอื่น ได้แก่ พระราชบัญญัตินิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 เช่น นักลงทุน ช่างฝีมือ ผู้ชำนาญการ จำนวน 1,028 คน
6.คนต่างด้าวมาตรา 13 ประเภทชนกลุ่มน้อย ได้แก่ คนต่างด้าวที่ไม่ได้รับสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ และกระทรวงมหาดไทยได้ออกเอกสารเพื่อรอพิสูจน์สถานะยื่นขอใบอนุญาตทำงาน จำนวน 249 คน มติครม. เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2558 คนต่างด้าว 3 สัญชาติ (เมียนมา ลาว กัมพูชา) จดทะเบียนแรงงานต่างด้าว ณ ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว (One Stop Service: OSS) จังหวัดฉะเชิงเทรา ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2558 จำนวนทั้งสิ้น 25,496 คน จำแนกเป็นเมียนมา จำนวน 7,840 คน ลาว 1,856 คน กัมพูชา จำนวน 15,800 คน
แรงงานไทยในต่างประเทศ ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2560 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้แจ้งความประสงค์
ไปทำงานต่างประเทศจำนวน 22 คน โดยแรงงานที่ทำงานในต่างประเทศ ส่วนใหญ่เป็นผู้มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ส่วนวิธีการเดินทางพบว่า ประเภท Re – Entry จำนวน 58 คน ร้อยละ 87.88 รองลงมาเป็นนายจ้างพาไปฝึกงาน จำนวน 7 คน ร้อยละ 10.62 และเดินทางๆไปด้วยตัวเอง จำนวน 1 คน ร้อยละ 1.52 และ ส่วนภูมิภาคที่แรงงานไทยไปทำงานส่วนใหญ่จะกระจุกตัวในภูมิภาคเอเชีย จำนวน 35 คน หรือร้อยละ 59.32 ของแรงงานที่ไปทำงานต่างประเทศทั้งหมด
ไปทำงานต่างประเทศจำนวน 22 คน โดยแรงงานที่ทำงานในต่างประเทศ ส่วนใหญ่เป็นผู้มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ส่วนวิธีการเดินทางพบว่า ประเภท Re – Entry จำนวน 58 คน ร้อยละ 87.88 รองลงมาเป็นนายจ้างพาไปฝึกงาน จำนวน 7 คน ร้อยละ 10.62 และเดินทางๆไปด้วยตัวเอง จำนวน 1 คน ร้อยละ 1.52 และ ส่วนภูมิภาคที่แรงงานไทยไปทำงานส่วนใหญ่จะกระจุกตัวในภูมิภาคเอเชีย จำนวน 35 คน หรือร้อยละ 59.32 ของแรงงานที่ไปทำงานต่างประเทศทั้งหมด
การพัฒนาศักยภาพ ส่วนการฝึกเตรียมเข้าทำงาน จำนวน 37 คน โดยกลุ่มอาชีพที่มีการฝึกเตรียม เข้าทำงานสูงสุด คือธุรกิจและบริการ จำนวน 20 คน หรือร้อยละ 54.05 รองลงมา คือ ช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ จำนวน 9 คน หรือร้อยละ 24.32
สำหรับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน มีการฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน จำนวน 1,073 คน โดยกลุ่มอาชีพ ที่ฝึกยกระดับฝีมือสูงสุด คือธุรกิจและบริการ จำนวน 739 คน หรือร้อยละ 68.87 รองลงมาช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ จำนวน 180 คนร้อยละ 16.78 โดยกลุ่มอาชีพทีมีการทดสอบมากที่สุด คือช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ จำนวน 1,080 คน หรือร้อยละ 93.18 รองลงมาช่างเครื่องกล จำนวน 59 คน หรือร้อยละ 5.09
การคุ้มครองแรงงาน จากการตรวจสถานประกอบการทั้งสิ้น 147 แห่ง มีลูกจ้างผ่านการตรวจ จำนวน 5,697 คน ซึ่งสถานประกอบการที่ตรวจส่วนใหญ่เป็นสถานประกอบขนาด 20 – 49 คน ร้อยละ 23.81 (35 แห่ง) โดยสถานประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 97.28 ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย
การตรวจความปลอดภัยในการทำงาน ได้ดำเนินการตรวจความปลอดภัยในสถานประกอบการประเภทอุตสาหกรรมทั้งสิ้น 107 แห่ง ลูกจ้างที่ผ่านการตรวจทั้งสิ้น 7,786 คน ซึ่งสถานประกอบการที่ผ่านการตรวจมากที่สุดคือสถานประกอบการขนาด 20 – 49 คน จำนวน 32 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 29.91 รองลงมาเป็นสถานประกอบการขนาด 50 – 99 คน จำนวน 23 แห่งคิดเป็นร้อยละ 23 และขนาดสถานประกอบการ 10 – 19 คน จำนวน 19 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 17.76
การประสบอันตราย/เจ็บป่วยจากการทำงาน ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2560 จังหวัดฉะเชิงเทรามีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องมาจากการทำงาน จำนวน 541 คน โดยประเภทของความร้ายแรงพบส่วนใหญ่จะหยุดงานไม่เกิน 3 วัน จำนวน 339 คน หรือร้อยละ62.66 รองลงมาเป็นหยุดงานเกิน 3 วัน จำนวน 202 คน หรือร้อยละ 37.34 และตาย จำนวน 1 คน หรือร้อยละ 0.18
การเกิดข้อเรียกร้อง/ข้อพิพาทแรงงานและข้อขัดแย้งภายในจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน4แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2,438 คน สามารถตกลงกันเองได้ จำนวน 4 แห่ง มีลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2,438 คน
การเลิกจ้างแรงงาน สถานประกอบกิจการในจังหวัดฉะเชิงเทรา การเลิกจ้างไตรมาส 1 ปี 2560 (มกราคม – มีนาคม) มีสถานประกอบการที่เลิกกิจการทั้งสิ้น จำนวน 2 แห่ง เป็นสถานประกอบการ ขนาด 1 – 4 คน จำนวน 2 แห่ง ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง จำนวน 2 คน โดยประเภทกิจการที่มีการเลิกจ้างสูงสุด คือประเภทกิจการอื่นๆ จำนวน 2 แห่ง หรือร้อยละ100
การสวัสดิการ มีการส่งเสริมให้บริการด้านสวัสดิการแรงงานนอกเหนือจากกฎหมายกำหนด 87 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 8,842 คน
การประกันสังคม พบว่าจังหวัดฉะเชิงเทรา มีสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคม
จำนวน 4,320 แห่ง ผู้ประกันตนทั้งสิ้น 212,091 คน และมีสถานพยาบาลในสังกัดประกันสังคมที่เป็นสถานพยาบาลในสังกัดประกันสังคมที่เป็นสถานพยาบาลของรัฐบาล จำนวน 1 แห่ง และสถานพยาบาลเอกชน จำนวน 2 แห่ง
จำนวน 4,320 แห่ง ผู้ประกันตนทั้งสิ้น 212,091 คน และมีสถานพยาบาลในสังกัดประกันสังคมที่เป็นสถานพยาบาลในสังกัดประกันสังคมที่เป็นสถานพยาบาลของรัฐบาล จำนวน 1 แห่ง และสถานพยาบาลเอกชน จำนวน 2 แห่ง
กองทุนประกันสังคม จังหวัดฉะเชิงเทราการใช้บริการของกองทุนประกันสังคมประเภทประโยชน์ทดแทน ทั้งสิ้น 99,841 คน พิจารณาตามประเภทของสิทธิประโยชน์ ซึ่งมี 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และกรณีว่างงาน สำหรับประเภทประโยชน์ทดแทนต่างๆที่ผู้ประกันตนใช้บริการสูงสุด 3 ลำดับแรกได้แก่ สงเคราะห์บุตร มีผู้ประกันตนใช้บริการ 78,441 ราย รองลงมาได้แก่ กรณีว่างงาน 8,944 ราย และเจ็บป่วย 5,342 ราย
