Skip to main content

สำนักงานแรงงาน จังหวัดฉะเชิงเทรา

สถานการณ์แรงงานจังหวัดฉะเชิงเทรา ไตรมาส 4 ปี 2560 (ตุลาคม – ธันวาคม)

pll_content_description

บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
 
สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและแรงงาน  ไตรมาส 4 ปี 2560  มีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้

           สภาพเศรษฐกิจ
 
              สำนักงานคลังจังหวัดฉะเชิงเทรา รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดในไตรมาส 4 ปี 2560 ณ ราคาประจำปี มีค่าเท่ากับ 236,493 ล้านบาท ลดลงจาก 250,916 ล้านบาท ในปี 2557 เท่ากับ 14,423 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 5.7 โดยผลิตภัณฑ์มวลรมจังหวัดต่อหัว (GPP per capita)  ในปี2558 เท่ากับ 305,654 บาท ลดลงจาก 328,553 บาท ในปี 2557เท่ากับ 22,899 บาทหรือลดลงน้อยละ 7.0
 
            ดัชนีราคาผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP Implicit Price Deflator) ในปี 2558 ลดลงร้อยละ 6.8 เทียบกับการขยายตัว  ร้อยละ 11.8 ในปี 2557 โดยดัชนีราคาภาคนอกเกษตรลดลงร้อยละ6.9 เทียบกับการขยายตัว ร้อยละ 13.5 ในปี 2557 ส่วนดัชนีราคาภาคเกษตรลดลงร้อยละ 4.7 จากสาขาเกษตรกรรม การล่าสัตว์ และการป่าไม้ที่ลดลงร้อยละ 10.8
 
            ดัชนีราคาผู้บริโภคของจังหวัดฉะเชิงเทรา เท่ากับ 100 และเดือนธันวาคม 2560 เท่ากับ 101.3 เทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2560 เท่ากับ 101.3
การเปลี่ยนแปลงดัชนีราคาผู้บริโภคของจังหวัดฉะเชิงเทราเดือนธันวาคม 2560 เมื่อเทียบกับ
          เดือน พฤศจิกายน 2560 ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
          เดือน ธันวาคม 2559 สูงขึ้น ร้อยละ 0.9
          เทียบเฉลี่ย 12 เดือน (มกราคม – ธันวาคม) 2560 กับระยะเดียวกันของปี 2559 สูงขึ้น ร้อยละ 1.2
 
           การจดทะเบียนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ มีจำนวน 118 ราย ทุนจดทะเบียน 3955.08 ล้านบาท อุตสาหกรรม มีการจดทะเบียนบุคคลตั้งใหม่มากที่สุด 3 อันดับ คือ การขายส่ง ขายปลีกฯ จำนวน 51 แห่ง หรือร้อยละ 20.70 มีเงินลงทุน 76.20 ล้านบาท รองลงมา อื่นๆ จำนวน 23 แห่ง หรือร้อยละ 19.49 มีเงินลงทุน 1367.40 ล้านบาท และ การก่อสร้าง จำนวน 16 แห่ง หรือร้อยละ 13.56 มีเงินลงทุน 20.70 ล้านบาท 
 
          ความเคลื่อนไหวการลงทุนอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา มีโรงงานที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ ณ เดือนธันวาคม 2560 จำนวนทั้งสิ้น 1,782 โรงงาน เงินลงทุนรวม 396,799.82 ล้านบาท และมีจำนวนคนงาน 153,396 คน การลงทุนอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ อุตสาหกรรมขนส่ง จำนวนโรงงาน 144 โรงงาน เงินลงทุน 112,515.92 ล้านบาท คนงาน 34,682 คน รองลงมาเป็นอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล จำนวนโรงงาน 78 โรงงาน เงินลงทุน 31,648.53 ล้านบาท คนงาน 3,716 คน และอุตสาหกรรมไฟฟ้า จำนวนโรงงาน 79 โรงงาน เงินลงทุน 29,346.44 ล้านบาท คนงาน 43,033 คน  
 
             สถานการณ์ด้านแรงงาน
 
              ไตรมาส 4 ปี 2560 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้อยู่ในวัยทำงาน 660,101 คน เป็นผู้อยู่ในกำลังแรงงาน  437,344 คน  ผู้มีงานทำ 435,930 คน ผู้ว่างงาน 1,414 คน 
 
               การมีงานทำ  ผู้มีงานทำในจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 435,930 คน หรือร้อยละ 99.68 ของผู้อยู่ในกำลังแรงงาน ทำงานในภาคเกษตร จำนวน 111,390 คน หรือร้อยละ 25.55 ทำงานนอกภาคเกษตร จำนวน 324,540 คนหรือร้อยละ 74.45 โดยทำงานในสาขาการผลิต จำนวน 142,083 คน หรือร้อยละ 32.59 รองลงมาคือการขายส่ง ขายปลีก ซ่อมแซมยานยนต์ รถจักรยานยนต์ จำนวน 62,836 คน หรือร้อยละ 14.41 และผู้มีงานทำส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 111,447 คน หรือร้อยละ 25.57 รองลงมาคือระดับประถมศึกษา จำนวน 96,260 คน หรือร้อยละ 22.08
 
              การว่างงาน  จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้ว่างงาน จำนวน 1,414 คน หรือมีอัตราการว่างงาน ร้อยละ 0.32 เป็นชาย จำนวน 878 คน หรือร้อยละ 62.14 หญิง จำนวน 536 คน หรือร้อยละ 37.93
 
              แรงงานนอกระบบ  สำหรับแรงงานนอกระบบ พบว่าในปัจจุบันผู้มีงานทำอยู่ในแรงงานนอกระบบ มีจำนวน 185,609 คน คิดเป็นร้อยละ 42.58 ของผู้มีงานทำ เมื่อพิจารณาจำแนกตามประเภทอุตสาหกรรม พบว่าแรงงานนอกระบบในภาคการเกษตร ได้แก่ เกษตรกรรม การล่าสัตว์และป่าไม้ จำนวน 89,462 คนร้อยละ 48.20  ส่วนอุตสาหกรรมที่จำนวนแรงงานนอกระบบนอกภาคเกษตรกรรมสูงสุด คือ การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ ฯ จำนวน 37,377 คน (ร้อยละ 20.14) และแรงงานนอกระบบส่วนใหญ่การศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา จำนวน 52,207 คน ร้อยละ 28.13
            การบริการจัดหางานในประเทศ  ในช่วงไตรมาสที่ 4 (ตุลาคม – ธันวาคม) ปี 2560 นายจ้าง/สถานประกอบการได้แจ้งตำแหน่งงานว่าง จำนวน 183 อัตรา โดยมีผู้สมัครงาน 53 คน การบรรจุ 374 คน และการบรรจุงานจะมีอัตราบรรจุงาน ต่อตำแหน่งงานว่าง ร้อยละ 204.37 ส่วนตำแหน่งงานว่างตามระดับการศึกษาที่ต้องการสูงสุดคือ มัธยมศึกษามีความต้องการ ร้อยละ42.08 (77อัตรา) รองลงมาเป็นระดับ ปวช./ปวส.อนุปริญญา ร้อยละ 39.89 (73 อัตรา) และระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า ร้อยละ 14.21 (26 อัตรา) ตามลำดับ สำหรับอาชีพที่มีการบรรจุงานมากที่สุด คือ อาชีพงานพื้นฐาน ร้อยละ 95.19 (356 คน) และอุตสาหกรรมที่มีตำแหน่งงานว่างมากที่สุด คือ การผลิต ร้อยละ 84.70 (155 อัตรา)
ความต้องการแรงงานในจังหวัดฉะเชิงเทราปี 2560 การสำรวจข้อมูลของสถานประกอบการใน26 สาขาอุตสาหกรรม จำนวน 840 แห่ง ในปี 256 แรงงานไร้ฝีมือ จำนวน 38,349 คน คิดเป็นร้อยละ 20.90 และผู้เชี่ยวชาญ/ผู้บริหาร 5,204 คน คิดเป็นร้อยละ 2.84 ส่วนผู้มีงานทำทั้งหมดตามระดับการศึกษาที่จบพบว่าในปี 2560 มีผู้ทำงานที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย(ม.6) มากที่สุด จำนวน 43,075 คน (ร้อยละ 23.47)  รองลงมาได้แก่ระดับ ปวช. จำนวน 41,691 คน (ร้อยละ 22.72) และมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.3)  จำนวน 37,010 คน (ร้อยละ20.13)  ทั้งนี้ กลุ่มผู้ทำงานที่จบการศึกษาต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายลงไป ส่วนใหญ่เป็นแรงงานไร้ฝีมือและแรงงานกึ่งฝีมือ  ในขณะที่กลุ่มผู้มีงานทำที่จบการศึกษาระดับ ปวช. ขึ้นไป ส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานกึ่งฝีมือและแรงงานฝีมือ
 
          การทำงานของคนต่างด้าว จำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานรวม จำนวน 45,030 คน 
จำแนกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้ 
          1.คนต่างด้าวตลอดชีพ ได้แก่ คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานตามประกาศของคณะปฏิบัติ ฉบับที่ 322 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 จำนวน 0 คน 
           2.คนต่างด้าวมาตรา 9 ประเภททั่วไป ได้แก่ คนต่างด้าวที่มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร หรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองโดยมิใช่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยว หรือผู้เดินทางผ่าน และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในกฎกระทรวง จำนวน 1,089 คน
          3.คนต่างด้าวมาตรา 9 พิสูจน์สัญชาติ ได้แก่ คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชาที่หลบหนีเข้าเมืองได้รับผ่อนผันให้ทำงานและอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ตามมติคณะรัฐมนตรี ได้ผ่านการพิสูจน์สัญชาติและปรับสถานะการเข้าเมืองถูกกฎหมายเรียบร้อยแล้ว จำนวน 11,528 คน 
          4.คนต่างด้าวมาตรา 9 นำเข้าตาม MOU ได้แก่ คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชาที่เข้ามาทำงานตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทย กับ รัฐบาลประเทศต้นทาง จำนวน 13,178 คน 
          5.คนต่างด้าวมาตรา 12 ประเภทส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้แก่ คนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน (พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520) หรือกฎหมายอื่น ได้แก่ พระราชบัญญัตินิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 เช่น นักลงทุน ช่างฝีมือ ผู้ชำนาญการ จำนวน 1,044 คน 
          6.คนต่างด้าวมาตรา 13 ประเภทชนกลุ่มน้อย ได้แก่ คนต่างด้าวที่ไม่ได้รับสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ และกระทรวงมหาดไทยได้ออกเอกสารเพื่อรอพิสูจน์สถานะยื่นขอใบอนุญาตทำงาน จำนวน 311 คน     
          7.คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ได้รับอนุญาตทำงานตามมติครม.3 สัญชาติ (เมียนมา ลาว กัมพูชา) จำนวนทั้งสิ้น 17,880 คน จำแนกเป็นเมียนมา จำนวน 3,447 คน ลาว 1,449 คน กัมพูชา จำนวน 12,984 คน 
แรงงานไทยในต่างประเทศ ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2560 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้แจ้งความประสงค์
ไปทำงานต่างประเทศ จำนวน 13 คน โดยแรงงานที่ทำงานในต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นผู้มีการศึกษาระดับประถมศึกษา,มัธยมศึกษาอย่างละ จำนวน 5 คน หรือร้อยละ 38.46 ส่วนวิธีการเดินทางพบว่า ประเภท Re – Entry จำนวน 36 คน ร้อยละ 63.16 (36 คน) รองลงมาเป็นนายจ้างพาไปฝึกงาน ร้อยละ 31.58 (18 คน) ส่วนภูมิภาคที่แรงงานไทยไปทำงานส่วนใหญ่จะกระจุกตัวในภูมิภาคเอเชีย ร้อยละ 77.19 (44 คน) ของแรงงานที่ไปทำงานต่างประเทศทั้งหมด
 
         การพัฒนาศักยภาพ สำหรับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน มีการฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน จำนวน 586 คน โดยกลุ่มอาชีพที่ฝึกยกระดับฝีมือสูงสุด คือช่างเครื่องกล จำนวน 294 คน หรือร้อยละ 50.17 มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 170 คน ร้อยละ 30.91 รองลงมาช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ จำนวน 177 คน ร้อยละ 30.20 มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 170 คน ร้อยละ 30.91 และธุรกิจและบริการ จำนวน 79 คน มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 50 คน ร้อยละ 9.09
 
        ส่วนการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ไตรมาส 4 ปี 2560 (ตุลาคม – ธันวาคม) มีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน จำนวนทั้งสิ้น 248 คน พบว่า กลุ่มอาชีพที่มีการทดสอบมากที่สุด คือ ช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ จำนวน 248 คน คิดเป็นร้อยละ100 มีผู้ผ่านการฝึกการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน จำนวน 215 คน คิดเป็นร้อยละ 100 
การคุ้มครองแรงงาน จากการตรวจสถานประกอบการทั้งสิ้น 69 แห่ง มีลูกจ้างผ่านการตรวจ จำนวน 13,334 คน ซึ่งสถานประกอบการที่ตรวจส่วนใหญ่เป็นสถานประกอบขนาด 100 – 199 คน  ร้อยละ 34.78 (24 แห่ง) โดยสถานประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 86.96 ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย
 
       การตรวจความปลอดภัยในการทำงาน ได้ดำเนินการตรวจความปลอดภัยในสถานประกอบการประเภทอุตสาหกรรมทั้งสิ้น 43 แห่ง ลูกจ้างที่ผ่านการตรวจทั้งสิ้น 11,007 คน ซึ่งสถานประกอบการที่ผ่านการตรวจมากที่สุดคือสถานประกอบการขนาด 100 – 299 คน จำนวน 21 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 48.84 รองลงมาเป็นสถานประกอบการขนาด 50 – 99 คน จำนวน 12 แห่งคิดเป็นร้อยละ 16.44 และขนาดสถานประกอบการ 50 – 99 คน จำนวน 7 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 16.28 
 
      การประสบอันตราย/เจ็บป่วยจากการทำงาน ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2560 จังหวัดฉะเชิงเทรา
มีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องมาจากการทำงาน จำนวน 647 คน โดยประเภทของความร้ายแรงพบส่วนใหญ่จะหยุดงานไม่เกิน 3 วัน จำนวน 418 คน หรือร้อยละ64.61 รองลงมาเป็นหยุดงานเกิน 3 วัน จำนวน 226 คน หรือร้อยละ 34.93 และตาย จำนวน 3 คน หรือร้อยละ 0.46
      การเกิดข้อเรียกร้อง/ข้อพิพาทแรงงานและข้อขัดแย้งภายในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีการแจ้งข้อเรียกร้อง  จำนวน 14 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 8,656 คน สามารถตกลงกันเองได้ จำนวน 10 แห่ง มีลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 7,156 คน การเกิดข้อพิพาทแรงงาน จำนวน 1 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 120 คน ซึ่งยังไม่ยุติ จำนวน 3 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 840 คน
 
      การเลิกจ้างแรงงาน  สถานประกอบกิจการในจังหวัดฉะเชิงเทรา การเลิกจ้างไตรมาส 4 ปี 2560 (ตุลาคม – ธันวาคม) มีสถานประกอบการที่เลิกกิจการทั้งสิ้น จำนวน 24 แห่ง เป็นสถานประกอบการขนาด1–4 คน จำนวน 16 แห่ง ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง จำนวน 20 คน โดยประเภทกิจการที่มีการเลิกจ้างสูงสุด คือประเภทกิจการกิจกรรมการบริการด้านอื่นๆ จำนวน 1,273 แห่ง หรือร้อยละ28.90 ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง จำนวน 93,291 คน หรือร้อยละ42.68
 
     การประกันสังคม  พบว่าจังหวัดฉะเชิงเทรา มีสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคม
จำนวน 4,405 แห่ง ผู้ประกันตนทั้งสิ้น 218,560 คน และมีสถานพยาบาลในสังกัดประกันสังคมที่เป็นสถานพยาบาลในสังกัดประกันสังคมที่เป็นสถานพยาบาลของรัฐบาล จำนวน 1 แห่ง และสถานพยาบาลเอกชน จำนวน 2 แห่ง
 
     กองทุนประกันสังคม จังหวัดฉะเชิงเทราการใช้บริการของกองทุนประกันสังคมประเภทประโยชน์ทดแทน ทั้งสิ้น 102,667 คน พิจารณาตามประเภทของสิทธิประโยชน์ ซึ่งมี 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และกรณีว่างงาน สำหรับประเภทประโยชน์ทดแทนต่างๆที่ผู้ประกันตนใช้บริการสูงสุด  3 ลำดับแรก ได้แก่ สงเคราะห์บุตร มีผู้ประกันตนใช้บริการ 78,654 ราย รองลงมาได้แก่ กรณีเจ็บป่วย 10,118 ราย และว่างงาน 5,828 ราย

TOP