บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและแรงงาน ไตรมาส 4 ปี 2562 (ตุลาคม – ธันวาคม) มีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
สภาพเศรษฐกิจของจังหวัดฉะเชิงเทรา
เศรษฐกิจจังหวัดฉะเชิงเทรา มีสัญญาณการหดตัว โดยด้านอุปทานหดตัวจากภาคเกษตรกรรม และภาคอุตสาหกรรมในขณะที่ภาคบริการขยายตัว สำหรับด้านอุปสงค์หดตัวจากการบริโภคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐ เสถียรภาพเศรษฐกิจของจังหวัดหดตัว
ด้านอุปทาน (การผลิต) ผลผลิตเกษตรกรรมหดตัวร้อยละ -34.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของ ปีก่อนหดตัวอย่างต่อเนื่องจากเดือนก่อน ตามปริมาณผลผลิตข้าว มันสำปะหลัง สุกร ไข่ไก่ ยางพารา และกุ้งลดลง เป็นผลมาจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงจากฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาว และดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ -7.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการใช้ไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมและจำนวนโรงงานในจังหวัดลดลง ขณะที่ดัชนีภาคบริการที่หดตัวร้อยละ 10.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนและจากจำนวนนักท่องเที่ยว และการจัดเก็บภาษีสถานบริการ (สนามกอล์ฟ) ลดลง
ด้านอุปสงค์ (การใช้จ่าย) มีการหดตัวจากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยดัชนีการบริโภคภาคเอกชนหดตัวร้อยละ-84.1 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหมวดขายส่ง ขายปลีกฯ จำนวนรถยนต์ส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ลดลง ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนหดตัวร้อยละ -7.2 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากพื้นที่อนุญาตก่อสร้างทั้งหมดและรถยนต์ที่จดทะเบียนใช้ในการพาณิชย์และดัชนีการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวร้อยละ10.3 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนจากการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนลดลง
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ ปี2558 เท่ากับ 100 เดือนธันวาคม 2562 เท่ากับ 102.62 เทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2562 เท่ากับ 102.61 สูงขึ้น ร้อยละ 0.87 ถ้าเทียบเดือนพฤศจิกายน 2561 สูงขึ้น ร้อยละ 0.01 เทียบเฉลี่ย 12 เดือน (มกราคม – ธันวาคม) 2562 กับระยะเดียวกันของปี 2561 สูงขึ้น ร้อยละ 0.71
การจดทะเบียนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ มีจำนวน 30 ราย ทุนจดทะเบียน 33.50 ล้านบาท อุตสาหกรรม มีการจดทะเบียนบุคคลตั้งใหม่มากที่สุด 3 อันดับ คือ การก่อสร้าง จำนวน 10 แห่ง (ร้อยละ 33.33) มีเงินลงทุน 7.80 ล้านบาท รองลงมาเป็นการขายส่ง ขายปลีกฯ จำนวน 6 แห่ง (ร้อยละ 20) มีเงินลงทุน 8.20 ล้านบาท และอื่นๆ จำนวน 6 แห่ง (ร้อยละ 20) มีเงินลงทุน 7.40 ล้านบาท
สำหรับการจดทะเบียนโรงงานใหม่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ไตรมาส 4 ปี 2562 (ตุลาคม – ธันวาคม) พบว่า มีการจดทะเบียนโรงงาน จำนวน 32 โรงงาน มีเงินทุนจดทะเบียน จำนวน 1,238.85 ล้านบาท พนักงาน จำนวน 1,538 คน มีโรงงานอุตสาหกรรม รวม 1,891 แห่ง
ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ปี 2560 เท่ากับ 341,116 ล้านบาท เป็นอันดับที่ 6 ของประเทศ และเป็นอันดับ 4 ของภาคตะวันออก โดยรายได้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับสาขาการผลิต/อุตสาหกรรม ซึ่งมีมูลค่ารวม 226,796 ล้านบาท (ร้อยละ 66.49) ของผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดฉะเชิงเทรา
ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด ปี 2560 เฉลี่ยต่อคนต่อปีเท่ากับ 427,409 บาท
สถานการณ์ด้านแรงงาน
ในไตรมาส 4 ปี 2562 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้อยู่ในวัยทำงาน 681,046 คน เป็นผู้อยู่ในกำลังแรงงาน 435,244 คน ผู้มีงานทำ 433,756 คน ผู้ว่างงาน 1,489 คน
การมีงานทำ ผู้มีงานทำในจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 433,756 คน คิดเป็นร้อยละ 99.66 ของผู้อยู่ในกำลังแรงงาน ทำงานในภาคเกษตร จำนวน 85,233 คน (ร้อยละ19.65) ทำงานนอกภาคเกษตร จำนวน 348,523 คน (ร้อยละ 80.35) โดยทำงานในสาขาการผลิต จำนวน 157,135 คน (ร้อยละ 36.23) รองลงมาคือการขายส่ง ขายปลีก ซ่อมแซมยานยนต์ รถจักรยานยนต์ จำนวน 49,514 คน (ร้อยละ11.42) และผู้มีงานทำส่วนใหญ่จบการศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 117,732 คน (ร้อยละ 27.14) รองลงมาคือระดับมหาวิทยาลัย จำนวน 91,193 คน (ร้อยละ 21.02)
การว่างงาน จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้ว่างงาน จำนวน 1,489 คน (ร้อยละ 0.34) แยกเป็นชาย จำนวน 1,066 คน หญิง จำนวน 423 คน
แรงงานนอกระบบ สำหรับแรงงานนอกระบบ พบว่าในปัจจุบันผู้มีงานทำอยู่ในแรงงานนอกระบบ มีจำนวน 179,703 คน (ร้อยละ 41.43) ของผู้มีงานทำ เมื่อพิจารณาจำแนกตามประเภทอุตสาหกรรม พบว่าแรงงานนอกระบบในภาคการเกษตร ได้แก่ เกษตรกรรม การล่าสัตว์และป่าไม้ จำนวน 76,128 คน (ร้อยละ 17.55) ส่วนอุตสาหกรรมที่จำนวนแรงงานนอกระบบนอกภาคเกษตรกรรมสูงสุด คือ การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ฯ จำนวน 35,606 คน (ร้อยละ 8.21) และแรงงานนอกระบบส่วนใหญ่การศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา จำนวน 48,493 คน (ร้อยละ 11.18)
การบริการจัดหางานในประเทศ ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2562 (ตุลาคม – ธันวาคม) นายจ้าง/สถานประกอบการได้แจ้งตำแหน่งงานว่าง จำนวน 912 อัตรา โดยมีผู้ลงทะเบียนสมัครงาน 450 คน การบรรจุจำนวน 540 คน และการบรรจุงานจะมีอัตราบรรจุงาน ต่อตำแหน่งงานว่าง ร้อยละ 59.21 ส่วนตำแหน่งงานว่างตามระดับการศึกษาที่ต้องการสูงสุดคือ ปวช./ปวส.อนุปริญญา มีความต้องการ 350 อัตรา (ร้อยละ 38.38) รองลงมาเป็นระดับปริญญาตรี 293 อัตรา (ร้อยละ 32.13) และระดับมัธยมศึกษา 218 อัตรา (ร้อยละ 23.90) ตามลำดับ สำหรับอาชีพที่มีการบรรจุงานมากที่สุด คือ อาชีพงานพื้นฐาน 462 คน (ร้อยละ 85.54) และอุตสาหกรรมที่มีตำแหน่งงานว่างมากที่สุด คือ การผลิต 690 อัตรา (ร้อยละ 75.66)
การทำงานของคนต่างด้าว จำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานรวม จำนวน 53,042 คน
จำแนกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
1. คนต่างด้าวตลอดชีพ ได้แก่ คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 322 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 จำนวน 0 คน
2. คนต่างด้าวมาตรา 59 ประเภททั่วไป ได้แก่ คนต่างด้าวที่มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร หรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองโดยมิใช่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยว หรือผู้เดินทางผ่าน และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในกฎกระทรวง จำนวน 1,449 คน
3. คนต่างด้าวมาตรา 59 นำเข้าตาม MOU ได้แก่ คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชาที่เข้ามาทำงานตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต้นทาง จำนวน 20,116 คน
4. คนต่างด้าวมาตรา 59 นำเข้าตาม MOU มติครม. วันที่ 20 สิงหาคม 2562 ได้แก่ คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา กลุ่มที่มีใบอนุญาตทำงาน (Work Perrmit) จำนวน 905 คน
5. คนต่างด้าวมาตรา 61 คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวกฎหมายว่าด้วยคน เข้าเมือง ในลักษณะจำเป็นเร่งด่วนจำนวน 61 คน
6. คนต่างด้าวมาตรา 62 ประเภทส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้แก่ คนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน (พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520) หรือกฎหมายอื่น ได้แก่ พระราชบัญญัตินิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 เช่น นักลงทุน ช่างฝีมือ ผู้ชำนาญการ จำนวน 1,212 คน
7. คนต่างด้าวมาตรา 63/1 ประเภทชนกลุ่มน้อย ได้แก่ คนต่างด้าวที่ไม่ได้รับสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ และกระทรวงมหาดไทยได้ออกเอกสารเพื่อรอพิสูจน์สถานะยื่นขอใบอนุญาตทำงาน จำนวน 437 คน
8. คนต่างด้าวมาตรา 63/2 กรณีที่รัฐมนตรีตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองอนุญาตให้คนต่างด้าวผู้ใดหรือจำพวกใดเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรได้ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองหรือยกเว้นให้คนต่างด้าวผู้ใดหรือจำพวกใดไม่ต้องปฎิบัติตามกฎหมายว่าคนเข้าเมือง จำนวน 4,368 คน
9. คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ได้รับอนุญาตทำงานตามมติครม.3 สัญชาติ (เมียนมา ลาว กัมพูชา) จำนวนทั้งสิ้น 24,494 คน จำแนกเป็นเมียนมา จำนวน 8,728 คน ลาวจำนวน 1,622 คน กัมพูชา จำนวน 14,144 คน
แรงงานไทยในต่างประเทศ ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2562 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้แจ้งความประสงค์
ไปทำงานต่างประเทศ จำนวน 5 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้มีการศึกษาระดับประถมศึกษา จำนวน 3 คน (ร้อยละ 60) รองลงมาเป็นมัธยมศึกษา จำนวน 2 คน (ร้อยละ 40) ส่วนวิธีการเดินทางพบว่าประเภท Re – Entry จำนวน 36 คน (ร้อยละ 41.38) รองลงมาเป็นนายจ้างพาไปทำงาน จำนวน 30 คน (ร้อยละ 34.48) และนายจ้างส่งไปฝึกงาน จำนวน 20 คน (ร้อยละ 22.99) ส่วนภูมิภาคที่แรงงานไทยไปทำงานส่วนใหญ่จะกระจุกตัวในภูมิภาคเอเชีย จำนวน 53 คน (ร้อยละ 79.10) ของแรงงานที่ไปทำงานต่างประเทศทั้งหมด
การพัฒนาศักยภาพแรงงาน สำหรับการฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน มีการฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน จำนวน 350 คน โดยกลุ่มอาชีพที่ฝึกยกระดับฝีมือสูงสุด คือ ช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ จำนวน 181 คน (ร้อยละ 51.71) มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 176 คน (ร้อยละ 52.07) รองลงมาช่างเครื่องกล จำนวน 150 คน (ร้อยละ 42.86) มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 143 คน (ร้อยละ 42.31) และช่างอุตสหการ จำนวน 19 คน (ร้อยละ 5.43) มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 19 คน (ร้อยละ 5.62)
ส่วนการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน มีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน จำนวนทั้งสิ้น 119 คน พบว่าเป็นการทดสอบในกลุ่มอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ จำนวน 92 คน (ร้อยละ 77.31) มีผู้ผ่านการฝึกการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน จำนวน 74 คน (ร้อยละ 73.27) และรองลงมาเป็น ช่างเครื่องกล จำนวน 27 คน (ร้อยละ 22.69) มีผู้ผ่านการฝึกการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน จำนวน 27 คน (ร้อยละ 26.73)
การคุ้มครองแรงงาน จากการตรวจสถานประกอบการทั้งสิ้น 32 แห่ง มีลูกจ้างผ่านการตรวจ จำนวน 1,980 คน ซึ่งสถานประกอบการที่ตรวจส่วนใหญ่เป็นสถานประกอบขนาด 50 – 99 คน จำนวน 14 แห่ง (ร้อยละ 43.75) โดยสถานประกอบการส่วนใหญ่ (ร้อยละ 78.13) ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย
การตรวจความปลอดภัยในการทำงาน ได้ดำเนินการตรวจความปลอดภัยในสถานประกอบการทั้งสิ้น 26 แห่ง ลูกจ้างที่ผ่านการตรวจทั้งสิ้น 1,150 คน ซึ่งสถานประกอบการที่ผ่านการตรวจมากที่สุดคือสถานประกอบการขนาด 20 – 49 คน จำนวน 12 แห่ง (ร้อยละ 46.15) รองลงมาเป็นสถานประกอบการขนาด 50 – 99 คน จำนวน 7 แห่ง (ร้อยละ 26.92) และขนาดสถานประกอบการ 1 – 4, 10 – 19และ100 – 299 คน รวม 6 แห่ง (ร้อยละ 23.08) โดยสถานประกอบการส่วนใหญ่ ร้อยละ 92.31 ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย
การประสบอันตราย/เจ็บป่วยจากการทำงาน จังหวัดฉะเชิงเทรามีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องมาจากการทำงาน จำนวน 640 คน โดยประเภทของความร้ายแรงพบส่วนใหญ่จะหยุดงานไม่เกิน 3 วัน จำนวน 445 คน (ร้อยละ69.53) รองลงมาเป็นหยุดงานเกิน 3 วัน จำนวน 193 คน (ร้อยละ 30.16) และตาย จำนวน 2 คน (ร้อย 0.31)
การเกิดข้อเรียกร้อง/ข้อพิพาทแรงงานและข้อขัดแย้งภายในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีการแจ้งข้อเรียกร้อง จำนวน 25 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 18,695 คน การยุติข้อเรียกร้องสามารถตกลงกันเอง จำนวน 17 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 15,980 คน การเกิดข้อเรียกร้องยังไม่ยุติ จำนวน 8 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2,715 คน
การเลิกจ้าง มีสถานประกอบการที่เลิกกิจการทั้งสิ้น จำนวน 3 แห่ง เป็นสถานประกอบการขนาด 1 – 4 คน จำนวน 2 แห่ง ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง จำนวน 4 คน โดยประเภทกิจการที่มีการเลิกจ้างสูงสุด คือ การผลิต จำนวน 1 แห่ง (ร้อยละ 33.33) ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง จำนวน 9 คน (ร้อยละ 69.23)
การประกันสังคม พบว่าจังหวัดฉะเชิงเทรา มีสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคม
จำนวน 5,397 แห่ง ผู้ประกันตนทั้งสิ้น 238,873 คน และมีสถานพยาบาลในสังกัดประกันสังคมที่เป็นสถานพยาบาลในสังกัดประกันสังคมที่เป็นสถานพยาบาลของรัฐบาล จำนวน 1 แห่ง และสถานพยาบาลเอกชน จำนวน 2 แห่ง
กองทุนประกันสังคม จังหวัดฉะเชิงเทรามีการใช้บริการของกองทุนประกันสังคมประเภทประโยชน์ทดแทน ทั้งสิ้น 120,517 คน พิจารณาตามประเภทของสิทธิประโยชน์ ซึ่งมี 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และกรณีว่างงาน สำหรับประเภทประโยชน์ทดแทนต่างๆที่ผู้ประกันตนใช้บริการสูงสุด 3 ลำดับแรกได้แก่ สงเคราะห์บุตร มีผู้ประกันตนใช้บริการ 83,612 ราย รองลงมาได้แก่ เจ็บป่วย 15,162 ราย และกรณีชราภาพ 10,736 ราย
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำของจังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรามีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 330 บาทต่อวัน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 จนถึงปัจจุบัน
…………………………………..
ไฟล์แนบ:
pll_file_nameรวมสถานการณ์ไตรมาส 4
วันที่สร้าง : 17 ก.พ. 2563