บทสรุปสำหรับผู้บริหาร |
สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและแรงงาน ไตรมาส 4 ปี 2563 (ตุลาคม – ธันวาคม) มีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
สภาพเศรษฐกิจของจังหวัดฉะเชิงเทรา |
เศรษฐกิจจังหวัดฉะเชิงเทราปี 2563 คาดว่าจะหดตัวร้อยละ -2.4 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ (-2.9) – (-1.9) ปรับเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์เดิม ณ เดือนกันยายน 2563 ที่คาดการณ์ว่าจะหดตัวร้อยละ -5.7)หดตัวจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 2.6 สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทาน จากภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ ด้านอุปสงค์ จากการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐ
เศรษฐกิจด้านอุปทาน (การผลิต) ภายในจังหวัดที่คาดว่าจะหดตัวร้อยละ -1.4 (โดยมีช่วงคาดการณ์ร้อยละ (-1.9) – (-0.9) ปรับเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์เดิม ณ เดือนกันยายน 2563 ที่คาดการณ์ว่าจะหดตัวร้อยละ -5.5) หดตัวจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 2.9 ตามภาคเกษตรกรรม หดตัวร้อยละ -2.9 เนื่องจากปัญหาภัยแล้งฝนทิ้งช่วง ปริมาณน้ำภาคการเกษตรไม่เพียงพอ ทำให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกได้ช้าลง เกษตรกรจึงจำเป็นต้องลดพื้นที่เพาะปลูกและมีบางพื้นที่ประสบปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำ อีกทั้งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID – 19 ทำให้การส่งออกสินค้าเกษตรชะลอตัว ภาคอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ -1.0 ตามจำนวนโรงงานที่ลดลง เนื่องจากการผลิตลดลงเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ปัจจัยหลักจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศและการส่งออก รวมถึงผลกระทบจากสถานกาณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID – 19 และภาคบริการ หดตัวร้อยละ -1.9 จากจำนวนนักท่องเที่ยว การค้าส่ง ค้าปลีก การขนส่ง การศึกษา และภาษีสถานบริการ (สนามกอล์ฟ) ที่ลดลงเนื่องจากประชาชนยังคงมีความกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัส COVID – 19 ทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง
เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ (การใช้จ่าย) ภายในจังหวัดที่คาดว่ามีการหดตัวร้อยละ -5.0 (โดยมี ช่วงคาดการณ์ร้อยละ (-5.5) – (-4.5) ปรับเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์เดิม ณ เดือนกันยายน 2563 ที่คาดการณ์ ว่าจะหดตัวร้อยละ -7.3) หดตัวต่อเนื่องจากปีก่อนหดตัวร้อยละ -0.5 จากการบริโภคภาคเอกชน หดตัวร้อยละ -8.5 เนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น การลงทุนภาคเอกชน หดตัวร้อยละ -1.5 เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน ทำให้ผู้ประกอบการระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนใหม่ออกไปและการใช้จ่ายภาครัฐ หดตัวร้อยละ -6.5 จากการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนลดลงเป็นสำคัญ
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของจังหวัดฉะเชิงเทรา ปี 2558 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ เท่ากับ 100 เดือนธันวาคม 2563 เท่ากับ 102.34 เทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2563 เท่ากับ 102.41 สูงขึ้น ร้อยละ 0.15 ถ้าเทียบเดือนธันวาคม 2562 ลดลง ร้อยละ 0.27 เทียบเฉลี่ย 12 เดือน (มกราคม – ธันวาคม) 2563 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ลดลง ร้อยละ 0.85
การจดทะเบียนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ มีจำนวนทั้งสิ้น 88 ราย ทุนจดทะเบียน 844.58 ล้านบาท อุตสาหกรรมมีการจดทะเบียนบุคคลตั้งใหม่มากที่สุด 3 อันดับ คือ การขายส่ง ขายปลีกฯ จำนวน 28 แห่ง (ร้อยละ 31.82) มีเงินลงทุน 27.70 ล้านบาท รองลงมาเป็นการผลิต จำนวน 20 แห่ง (ร้อยละ 22.73) มีเงินลงทุน 19.18 ล้านบาท และการขนส่ง สถานที่เก็บและการคมนาคม จำนวน 19 แห่ง (ร้อยละ 21.59) มีเงินลงทุน 639.70 ล้านบาท
สำหรับการจดทะเบียนโรงงานใหม่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ไตรมาส 4 ปี 2563 (ตุลาคม – ธันวาคม) พบว่า อุตสาหกรรมการผลิตมีการจดทะเบียนโรงงาน จำนวน 14 โรงงาน มีเงินทุนจดทะเบียน จำนวน 1,433.90 ล้านบาท พนักงาน จำนวน 747 คน
ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ปี 2561 เท่ากับ 386,602 ล้านบาท เป็นอันดับที่ 8 ของประเทศ และเป็นอันดับ 4 ของภาคตะวันออกรองจากจังหวัดระยอง ชลบุรี และปราจีนบุรีตามลำดับ โดยรายได้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับสาขาการผลิต/อุตสาหกรรม ซึ่งมีมูลค่ารวม 273,648 ล้านบาท (ร้อยละ 70.78) ของผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดฉะเชิงเทรา
ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด ปี 2561 เฉลี่ยต่อคนต่อปีเท่ากับ 469,539 บาท
สถานการณ์ด้านแรงงาน |
จังหวัดฉะเชิงเทรา ไตรมาส 3 ปี 2563 (กรกฏาคม – กันยายน มีผู้อยู่ในวัยทำงาน 688,899 คน เป็นผู้อยู่ในกำลังแรงงาน 449,564 คน ผู้มีงานทำ 441,781 คน ผู้ว่างงาน 7,783 คน
การมีงานทำ ผู้มีงานทำในจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 441,781 คน คิดเป็นร้อยละ 98.27 ของผู้อยู่ในกำลังแรงงาน ทำงานในภาคเกษตร จำนวน 115,996 คน (ร้อยละ26.26) ทำงานนอกภาคเกษตร จำนวน 325,785 คน (ร้อยละ 73.74) โดยทำงานในสาขาการผลิตมากที่สุด จำนวน 145,435 คน (ร้อยละ 32.92) รองลงมาคือการขายส่ง ขายปลีก ซ่อมแซมยานยนต์ รถจักรยานยนต์ จำนวน 60,139 คน (ร้อยละ13.61) และผู้มีงานทำส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับประถมศึกษา จำนวน 113,305 คน (ร้อยละ 25.65) รองลงมาคือระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 104,358 คน (ร้อยละ 23.62)
การว่างงาน จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้ว่างงาน จำนวน 7,783 คน (ร้อยละ 1.73) แยกเป็นชาย จำนวน 3,488 คน หญิง จำนวน 4,295 คน
แรงงานนอกระบบ ปี2563 พบว่าผู้มีงานทำอยู่ในแรงงานนอกระบบ จำนวน 185,367 คน (ร้อยละ 41.96 ของผู้มีงานทำ) เมื่อพิจารณาจำแนกตามประเภทอุตสาหกรรม พบว่าเป็นแรงงานนอกระบบในภาคการเกษตร ได้แก่ เกษตรกรรม การล่าสัตว์และป่าไม้ จำนวน 96,588 คน (ร้อยละ 52.11) นอกภาคการเกษตร จำนวน 88,779 คน (ร้อยละ 47.89) ส่วนอุตสาหกรรมที่จำนวนแรงงานนอกระบบนอกภาคการเกษตรสูงสุด คือ การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ฯ จำนวน 34,900 คน (ร้อยละ 18.83) สำหรับด้านการศึกษาแรงงานนอกระบบส่วนใหญ่มีการศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา จำนวน 62,835 คน (ร้อยละ 33.90)
การบริการจัดหางานในประเทศ ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2563 (ตุลาคม – ธันวาคม) นายจ้าง/สถานประกอบการได้แจ้งตำแหน่งงานว่าง จำนวน 1,332 อัตรา โดยมีผู้ลงทะเบียนสมัครงาน 1,651 คน การบรรจุงาน 2,100 คน อัตราการบรรจุงาน ต่อตำแหน่งงานว่าง คิดเป็นร้อยละ 157.66 ส่วนตำแหน่งงานว่างตามระดับการศึกษาที่ต้องการสูงสุดคือ มัธยมศึกษา มีความต้องการ 523 อัตรา (ร้อยละ 39.26) รองลงมาเป็นระดับปวช./ปวส.อนุปริญญา 495 อัตรา (ร้อยละ 37.16) และระดับปริญญาตรี 228 อัตรา (ร้อยละ 17.12) ตามลำดับ สำหรับอาชีพที่มีตำแหน่ง งานว่างมากที่สุด คือ อาชีพงานพื้นฐาน 702 คน (ร้อยละ 52.70) และอุตสาหกรรมที่มีตำแหน่งงานว่างมากที่สุด คือ การผลิต 885 อัตรา (ร้อยละ 66.44)
การทำงานของคนต่างด้าว จำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงาน จำนวน 48,027 คน
จำแนกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
- คนต่างด้าวมาตรา 59 คนต่างด้าวเข้าเมืองชั่วคราว ได้แก่ คนต่างด้าวที่มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร หรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองโดยมิใช่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยว หรือผู้เดินทางผ่าน และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในกฏกระทรวง จำนวน 1456 คน
- คนต่างด้าวมาตรา 59 นำเข้าตาม MOU ได้แก่ คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชาที่เข้ามาทำงานตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต้นทาง จำนวน 18,932 คน
- 3. คนต่างด้าวมาตรา 59 นำเข้าตาม MOU มติครม. วันที่ 20 สิงหาคม 2562 (OSS)ได้แก่ คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา กลุ่มที่มีใบอนุญาตทำงาน (Work Perrmit) จำนวน 20,799 คน
- คนต่างด้าวมาตรา 61 คนต่างด้าวที่ทำงานจำเป็นเร่งด่วน จำนวน 1 คน
- คนต่างด้าวมาตรา 62 ประเภทส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้แก่ คนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน (พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520) หรือกฎหมายอื่น ได้แก่ พระราชบัญญัตินิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 เช่น นักลงทุน ช่างฝีมือ ผู้ชำนาญการ จำนวน 1,232 คน
- คนต่างด้าวมาตรา 63/1 ประเภทชนกลุ่มน้อย ได้แก่ คนต่างด้าวที่ไม่ได้รับสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ และกระทรวงมหาดไทยได้ออกเอกสารเพื่อรอพิสูจน์สถานะยื่นขอใบอนุญาตทำงาน จำนวน 495 คน
- 7. คนต่างด้าวมาตรา 63/2 คนต่างด้าวขออนุญาตทำงานตามมติ ครม. วันที่ 4 สิงหาคม 2563 จำนวน 5,112 คน
แรงงานไทยในต่างประเทศ ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2563 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้แจ้งความประสงค์
ไปทำงานต่างประเทศ จำนวน 4 คน เป็นผู้มีการศึกษาระดับประถมศึกษา จำนวน 2 คน (ร้อยละ 50) ระดับปวช.ปวส.ปวท.อนุปริญญา จำนวน 1 คน และระดับปริญญาตรี จำนวน 1 คน ส่วนวิธีการเดินทาง พบว่าไปโดยวิธีRe – Entry จำนวน 12 คน และเดินทางด้วยตนเอง นายจ้างพาไปฝึกงาน, นายจ้างพาไปทำงาน ประเภทละ 1 คน โดยทั้งหมดไปทำงานในภูมิภาคเอเชีย
การพัฒนาศักยภาพแรงงาน มีการฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน จำนวน 466 คน โดยกลุ่มอาชีพที่ฝึกยกระดับฝีมือสูงสุด คือ ช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ จำนวน 321 คน มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 318 คน รองลงมาธุรกิจ และบริการ จำนวน 105 คน มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 105 คน และช่างเครื่องกล จำนวน 40 คน มีผู้ผ่านการฝึก จำนวน 39 คน ในส่วนการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน จำนวน 175 คน โดยเป็นการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานในกลุ่มอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ทั้งหมด มีผู้ผ่าน การทดสอบ จำนวน 175 คน
การคุ้มครองแรงงาน จากการตรวจสถานประกอบการทั้งสิ้น 86 แห่ง มีลูกจ้างผ่านการตรวจ จำนวน 4,282 คน ซึ่งสถานประกอบการที่ตรวจส่วนใหญ่เป็นสถานประกอบขนาด 20 – 49 คน จำนวน 47 แห่ง (ร้อยละ 54.65) โดยสถานประกอบการปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย ร้อยละ 67.44 (58 แห่ง) และปฏิบัติไม่ถูกต้อง ร้อยละ 32.56 (28 แห่ง)
การตรวจความปลอดภัยในการทำงาน ได้ดำเนินการตรวจความปลอดภัยในสถานประกอบการทั้งสิ้น 83 แห่ง ลูกจ้างที่ผ่านการตรวจทั้งสิ้น 8,183 คน ซึ่งสถานประกอบการที่ผ่านการตรวจมากที่สุด คือสถานประกอบการขนาด 20 – 49 คน จำนวน 28 แห่ง (ร้อยละ 33.73) รองลงมาเป็นสถานประกอบการขนาด 100 – 299 คน จำนวน 17 แห่ง (ร้อยละ 20.48) และขนาดสถานประกอบการ 50 – 99 คน จำนวน 13 แห่ง (ร้อยละ 15.66) โดยสถานประกอบการปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย ร้อยละ 86.75 (72 แห่ง) ปฏิบัติไม่ถูกต้อง ร้อยละ 13.25 (11 แห่ง)
การประสบอันตราย/เจ็บป่วยจากการทำงาน จังหวัดฉะเชิงเทรามีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องมาจากการทำงาน จำนวน 644 คน โดยประเภทของความร้ายแรงพบส่วนใหญ่จะหยุดงานไม่เกิน 1 วัน จำนวน 442 คน (ร้อยละ 68.63) รองลงมาเป็นหยุดงานเกิน 1 วัน จำนวน 199 คน (ร้อยละ 30.90) สูญเสียอวัยวะ จำนวน 1 คน (ร้อยละ 0.16) และตาย จำนวน 2 คน (ร้อยละ 0.31)
การเกิดข้อเรียกร้อง/ข้อพิพาทแรงงานและข้อขัดแย้งภายในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีการแจ้งข้อเรียกร้อง จำนวน 23 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 19,603 คน โดยเป็นการยุติโดยไม่เกิดข้อพิพาทแรงงาน จำนวน 19 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 16,258 คน และข้อเรียกร้องยังไม่ยุติ จำนวน 4 แห่ง ลูกจ้างที่เกี่ยวข้อง จำนวน 3,345 คน
การประกันสังคม พบว่าจังหวัดฉะเชิงเทรา มีสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคม
จำนวน 5,459 แห่ง ผู้ประกันตนทั้งสิ้น 230,567 คน และมีสถานพยาบาลในสังกัดประกันสังคมที่เป็นสถานพยาบาลในสังกัดประกันสังคมที่เป็นสถานพยาบาลของรัฐบาล จำนวน 1 แห่ง และสถานพยาบาลเอกชน จำนวน 2 แห่ง
กองทุนประกันสังคม จังหวัดฉะเชิงเทรามีการใช้บริการของกองทุนประกันสังคมประเภทประโยชน์ทดแทน ทั้งสิ้น 121,300 คน พิจารณาตามประเภทของสิทธิประโยชน์ ซึ่งมี 7 กรณี ได้แก่ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และกรณีว่างงาน สำหรับประเภทประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนใช้บริการสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ สงเคราะห์บุตร มีผู้ประกันตนใช้บริการ 72,132 ราย รองลงมาคือ เจ็บป่วย 18,763 ราย และว่างงาน 18,007 ราย
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำของจังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรามีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 330 บาทต่อวัน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 จนถึงปัจจุบัน
…………………………………..
ไฟล์แนบ:
pll_file_nameรวมเล่มไตรมาส 4
วันที่สร้าง : 16 ก.พ. 2564